BabyZone Fanpage ???????
English

 

เจ้าของโรงสีกับบุตรชายและลา

 

 

image

  

เจ้าของโรงสีกับบุตรชายต้องการนำลาไปขายที่ตลาด ขณะที่จูงลาเดินอยู่ระหว่างทาง ชายผู้หนึ่งซึ่งเดินส่วนทางมาได้ให้คำแนะนำว่า

“ลาของท่านก็ดูแข็งแรงดี น่าจะให้ลูกชายขึ้นไปขี่ เด็กตัวเล็ก ๆ อย่างนี้จะให้เดินสมบุกสมบันแบบผู้ใหญ่ได้อย่างไร” เจ้าของโรงสีเห็นด้วยจึงบอกให้ลูกชายขึ้นไปขี่บนหลังลา ส่วนตัวเองจูงลาเดินมุ่งหน้าสู่ตลาด บังเอิญพบพ่อค้าสามคนระหว่างทาง   “เออหนอ…เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเห็นอกเห็นใจเคารพนับถือผู้เฒ่าผู้แก่กันแล้ว ดูซิ…ลูกชายปล่อยให้พ่อเดินจนเหงื่อเต็มหน้า ส่วนตัวเองขึ้นไปนั่งกระดิกขาสบาย”

ผู้เป็นพ่อเห็นจริงตามที่พ่อค้ากล่าว เลยให้ลูกชายมาเดินจูงลาส่วนตนเองขึ้นไปขี่แทน เดินทางมาได้อีกพอสมควร ก็มีสองแม่ลูกเดินสวนทางมา แม่ได้หันไปกล่าวกับลูกสาวของตนด้วยน้ำเสียงเชิงแดกดัน

“ลูกเอ๋ยดูตาแก่หลังยาวนั่นซิ ปล่อยให้ลูกชายเดินจูงลา ส่วนตัวเองขึ้นไปนั่งอย่างสบาย ทำไมเขาถึงใจดำไม่ยอมให้ลูกชายขึ้นไปนั่งด้วย”

ผู้เป็นพ่อจึงเรียกลูกชายขึ้นไปนั่งบนหลังลาด้วยกัน และคิดว่าผู้คนที่พบเห็นคงจะเลิกวิพากษ์วิจารณ์เสียที แต่เดินทางต่อมาได้ไม่นานเท่าใดก็พบกับคนกลุ่มหนึ่ง ชายคนหนึ่งในกลุ่มได้กล่าวกับเพื่อของตนด้วยเสียงอันดัง

“พวกเราดูสองพ่อลูกจอมขี้เกียจนั่นซิ ขึ้นไปนั่งคู่กันอย่างนี้ ลงคงจะหลังหักก่อนถึงตลาดแน่” เจ้าของโรงสีรู้สึกเก้อเขินจึงชวนลูกชายลงจากหลังลา แล้วพิจารณาว่าจะทำประการใดจึงจะไม่ถูกพวกปากมากตำหนิ จะจูงก็ไม่ได้จะขี่ก็ไม่ดี ในที่สุดจึงตัดสินใจจับลาทั้งสี่ข้างมัดไว้แล้วใช้ไม้สอดหามกันไปอย่างทุลักทุเล ขณะเดินข้ามสะพานลาส่งเสียงร้องและดิ้นจนเชือกขาด มันจึงพลัดตกลงไปในน้ำและลอยหายไปต่อหน้าต่อตาของสองพ่อลูก

“กลับบ้านกันดีกว่า” เจ้าของโรงสีหันมาชวนลูกชาย

“นี่หากเราไม่หวั่นไหวกับคำพูดและความคิดเห็นของผู้อื่น คงจะไม่ต้องสูญเสียลาไปเช่นนี้”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

การคิดทำอะไรให้ถูกใจมนุษย์ทุกคนก็เท่ากับไม่ได้ทำอะไรให้ถูกใจใครเลย

 

นิทานออนไลน์.com

 

 
© Copyright 2001- ภาษาไทย ใช้ได้ดีกับ IE10, Chrome, Firefox 1024x768