น้ำนมแม่ต้นทุนชีวิตที่ดีของหนู
หากจะพูดว่า “น้ำนมจากอกของแม่ คือ ต้นทุนชีวิตที่ดีที่สุดของลูก…!!!” ก็คงไม่เป็นการกล่าวเกินจริงนัก ...บทพิสูจน์หนึ่งของพลังน้ำนมแม่คงจะเป็นวันที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกเป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาเกิด ทั้งรู้สึกดีใจ ทั้งประหม่าทำอะไรไม่ถูกเลยยิ่งเป็นลูกคนแรกด้วยแล้ว แต่พอได้อุ้มลูกให้ลูกอยู่ในอ้อมแขน ให้ลูกได้ดูดนมจากอก น้ำตาไหลออกมาจากไหนไม่รู้ตั้งมากมาย นี่ล่ะความรู้สึกที่เรียกว่า “เป็นแม่คน” ส่วนเจ้าตัวเล็กพอได้ดื่มนมก็เงียบกริบนอนมองหน้าคนอุ้มเฉยเลย “ต้นทุนความรัก” คงจะเป็นสิ่งแรกที่น้ำนมของแม่ บอกรักลูกแทนแม่ได้ทั้งโลก...นอกจากความรักแล้วน้ำนมของแม่...มอบต้นทุนชีวิตอะไรให้ลูก...???
ต้นทุนทางร่างกาย : น้ำนมของแม่มีสารอาหารที่ลูกต้องการอยู่ครบถ้วน ทั้งโปรตีน เกลือแร่ คาร์โบไฮเดรต และวิตามิน ล้วนเป็นสารอาหารที่ร่างกายของลูกต้องการ
ต้นทุนเกราะป้องกัน : หัวน้ำนมสีเหลืองที่อุดมไปด้วย เกลือแร่ และโปรตีน เป็นเกราะป้องกันโรคที่ช่วยให้ลูกมีภูมิต้านทานโรค เช่น ป้องกันการติดเชื้อที่ระบบทางเดินอาหาร และระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น
ต้นทุนช่วยกระเพาะน้อยๆ : น้ำนมของแม่ย่อยและดูดซึมได้ง่าย
ต้นทุนช่วยระบบขับถ่าย : น้ำนมของแม่ช่วยให้ลูกท้องไม่ผูก ปุๆ (อุจจาระ) ได้ง่าย ไม่แข็ง
ป้องกันสิ่งแปลกปลอม : ทำให้ผนังลำไส้เจริญเติบโตดี ป้องกันสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายทางลำไส้
ป้องกันการแพ้ : ช่วยป้องกันการแพ้ โปรตีน หรือป้องกันโรคภูมิแพ้
ต้นทุนทางใจ : น้ำนมในอกของแม่ มอบความรัก ความอบอุ่น สร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้ลูก
ปริมาณน้ำนมที่ทารกต้องการ
ปริมาณน้ำนมที่ทารกเกิดใหม่ต้องการอยู่ที่ 60-100 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 500 กรัม เช่น ทารกที่มีน้ำหนัก 3,500 กรัม จะต้องการน้ำนม 400-650 มิลลิกรัม ต่อวัน โดยปกติแล้วในระยะเวลา 3 ชั่วโมง หน้าอกของคุณแม่แต่ละข้างจะสามารถผลิตน้ำนมได้ 40-60 มิลลิกรัม ซึ่งก็เท่ากับว่า ใน 1 วันคุณแม่จะมีน้ำนมให้ทารกได้หม่ำๆ กันประมาณ 700-1,000 มิลลิกรัม กันเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มาก และเพียงพอต่อทารกตลอดช่วงเวลาที่คุณแม่จะให้นมลูก
ควรให้ลูกดูดนมแม่นานเท่าไร
การใช้เวลาให้นมกับทารกต่อเต้านมแต่ละข้างนั้นเวลาที่เหมาะสม คือ ช่วงเวลา 5 นาทีแรกที่ลูกเริ่มดูดน้ำนม โดยช่วง 5 นาทีแรกนี้ทารกจะมีแรงในการดูดน้ำนมมากที่สุด และเป็นช่วงที่ลูกจะได้รับอาหารถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในปริมาณอาหารที่ทารกต้องการทั้งหมด คุณแม่สามารถให้ลูกดูดนมนานตามที่เขาต้องการ แต่ไม่ควรใช้เวลาเกิน 10 นาทีต่อการดูดเต้านมหนึ่งข้าง เพราะหลังจาก 10 นาที แล้วเต้านมมักจะเหลือน้ำนมน้อย คุณแม่ควรให้ลูกดูดน้ำนมอีกข้างหนึ่งต่อไป (การให้ทารกดูดนม ทั้ง 2 ข้างสลับกันช่วยให้หัวนมไม่อักเสบ) หลังจากที่ลูกทานนมอิ่มจะสามารถสังเกตได้ว่า ลูกจะเริ่มสนุกกับการเลื่อนริมฝีปากเข้าๆ ออกๆ จากหัวนมคุณแม่ ในบ้างครั้งก็ลองใช้มือปัดหน้าอกคุณแม่เล่น หรือเลือกที่จะนอนหลับปุ๋ย
ดูดนมแม่แข็งแรงทั้งแม่ และลูก
ลูกได้ดูดนมแม่นอกจากจะช่วยให้ลูกแข็งแรงทั้งร่างกาย และจิตใจดังได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว สำหรับร่างกายของคุณแม่เองการให้ลูกดื่มนมก็ส่งผลดีต่อร่างกายของแม่เช่นเดียวกัน คือ
• ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่ และมะเร็งเต้านม
• ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้น
• ช่วยให้แม่รูปร่างดีขึ้นลดการสะสมไขมันในร่างกาย
• ช่วยลดภาวการณ์ซึมเศร้าหลังคลอดของคุณแม่
• ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้คุณแม่ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์อะไรมากมาย หากลูกร้องไห้ เพราะหิวนมก็สามารถให้ลูกดูดนมได้ทันที
• ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะน้ำนมแม่ไม่มีจำหน่ายให้ลูกได้ด้วยความรัก
“น้ำนมของแม่” จึงเปรียบเหมือนตัวแทนความรักจากแม่ที่มอบเป็นของขวัญ และมอบให้เป็นต้นทุนชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับลูกๆ ทุกคนบนโลกนี้...!!! รักลูกให้ลูกดื่มน้ำนมจากอกอุ่นๆ กันนะคะ เพราะน้ำนมของแม่ดีที่สุด