ภาษาไทย
English

ดูแลเท้าหนู เพื่อย่างก้าวอันสำคัญ



        พัฒนาการการเดินของลูกถือเป็นพัฒนาการทางร่างกายอันสำคัญยิ่ง ที่สามารถเรียกความปลาบปลื้ม ปิติยินดี รวมทั้งเรียกน้ำตาจากเหล่าบรรดาคุณพ่อคุณแม่มือใหม่มานักต่อนักแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และคุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะมองข้ามไปก็คือ การดูแลเท้าน้อยๆ ของลูกในช่วงวัยขวบปีแรกให้มีสุขภาพดี ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงขวบปีแรกๆ ของเจ้าตัวน้อย กระดูกเท้าจะเป็นกระดูกอ่อนที่มีความยืดหยุ่นมาก ด้วยเหตุนี้เองจึงมีความเป็นไปได้มากว่า หากคุณพ่อคุณแม่ดูแลไม่ดี เท้าน้อยๆ ของลูกก็อาจเจริญเติบโตผิดรูปทรง ทำให้เป็นปัญหาเมื่อลูกโตขึ้นก็ได้

ดูแลเท้าหนู เริ่มได้ตั้งแต่แรกเกิด

                • หากคุณพ่อคุณแม่จะใส่ถุงเท้าให้ลูกน้อย ควรดูแน่ใจว่า ถุงเท้านั้นไม่คับเกินไป ไม่รัดเท้า และหัวแม่เท้าของลูก

                • ชุดนอนของเด็กที่เป็นชุดติดกัน แขนยาวคลุมตั้งแต่คอลงมาจนถึงเท้า หรือที่เราเรียกกันว่า ชุดหมี นั่นแหละค่ะ ก่อนใส่ให้ลูกควรสังเกตดูด้วยว่า ชุดนั้นรัดบริเวณเท้าของลูกมากเกินไปไหม และสำหรับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา หากคุณไม่ได้เลี้ยงลูกให้อยู่ในห้องแอร์ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่ทั้งถุงเท้า หรือชุดนอนติดกันด้วย ซึ่งจะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดกับเท้าลูกได้ระดับหนึ่ง

                • คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตลักษณะเท้าของลูกเป็นประจำ เช่น มีรอยถลอก พอง บวมหรือไม่ และควรรักษาเท้าของลูกให้สะอาดและแห้งอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเท้าของเด็กๆ จะมีเหงื่อออกมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 2 เท่าเลยนะคะ ดังนั้นการเลือกถุงเท้าและรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณไม่ควรลืมเด็ดขาดค่ะ

ย่างก้าวอันสำคัญ ‘ก้าวเดินแรก’ กับรองเท้าคู่แรก

        ลูกน้อยที่เริ่มเดินก้าวแรก จะเดินได้ถึง 176 ก้าวต่อนาที ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ยิ่งลูกน้อยเดินโดยปราศจากรองเท้าได้นานเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เท้าของลูกพัฒนาอย่างเป็นธรรมชาติได้มากขึ้นเท่านั้น และสำหรับลูกน้อยในวัยหัดเดิน ควรให้ลูกได้เดินเท้าเปล่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะการเดินด้วยเท้าเปล่าจะช่วยในการทรงตัวได้ง่าย แต่หากพาลูกน้อยออกนอกบ้าน ก็ควรที่จะให้มีรองเท้าเพื่อป้องกันอันตรายจากสิ่งต่างๆ รองเท้าคู่แรกของลูกน้อย ควรมีลักษณะดังนี้

                1. ควรเป็นรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา ยืดหยุ่นและระบายอากาศได้ดี

                2. ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น หนังนิ่มๆ และมีพื้นรองเท้าที่กันการลื่น มีความยืดหยุ่นดี น้ำหนักเบา

                3. ขนาดของรองเท้า หัวรองเท้าควรเลือกให้มีพื้นที่ว่างเหลือจากบริเวณหัวแม่เท้าประมาณครึ่งนิ้ว ด้านส้นเท้าต้องสวมใส่ได้พอดี ไม่คับหรือหลวมเกินไป ขอบรองเท้าควรทำจากวัสดุนิ่ม

                4. และคุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบรองเท้าของลูกทุกๆ 6-8 สัปดาห์ เนื่องจากเท้าของเด็กๆ มักมีการเจริญเติบโตอยู่ตลอดเวลาค่ะ

วิธีเลือกซื้อรองเท้าให้ลูกรัก

        • พื้นรองเท้าด้านใน ควรมีลักษณะบาง แต่นุ่มนวลและยืดหยุ่นได้ดี ไม่แข็งกระด้าง ฉะนั้นก่อนซื้อคุณแม่ ควรจับงอเพื่อดูความยืดหยุ่น และควรพาลูกไปด้วยทุกครั้งที่ซื้อรองเท้า เพื่อให้ลูกลองสวมใส่ให้ดู และสังเกตดูว่า ขณะลูกก้าวเขย่งรองเท้าโค้งตามรูปเท้าลูกหรือไม่ พื้นรองเท้าที่ทำจากหนังจะเหมาะกว่าพื้นจากพลาสติก เพราะจะยืดหยุ่นได้ดีกว่า

        • การที่จะรู้ว่ารองเท้าจะพอดีกับขนาดเท้าของลูกหรือไม่นั้น สามารถดูได้จากช่วงหลังรองเท้า โดยคุณแม่ลองบีบดูที่ส้นของรองเท้าดู หากนิ่มหรือกว้างจนเกินไป ขณะที่ลูกเดินอาจจะเดินได้ไม่ถนัดและรองเท้าอาจจะหลุดได้ สำหรับเด็กที่เพิ่งหัดเดิน รองเท้าควรจะมีส้นเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อยเพื่อช่วยในการพยุงการทรงตัว

        • รองเท้าหัวป้านจะช่วยให้นิ้วเท้าของลูกไม่ถูกบีบ และจะไม่เจ็บเท้าเมื่อต้องใส่รองเท้าเป็นเวลานาน

        • ควรหลีกเลี่ยงรองเท้าที่เป็นพลาสติก เพราะพลาสติกจะไม่ปรับรูปทรงให้เข้ากับเท้าลูก หากหาซื้อรองเท้าที่พอดีกับเท้าลูกไม่ได้ ควรเลือกขนาดที่หลวมจะดีกว่าแบบที่คับนะคะ

ยังไง๊ ยังไง หนูก็ไม่ยอมใส่รองเท้า

        ใช่ว่ามีรองเท้าที่ดี สวยเลิศแค่ไหนแล้ว ลูกน้อยจะยอมสวมใส่เสมอไปค่ะ เพราะหากคุณเริ่มต้นไม่ดี ก็มีสิทธิ์ที่ลูกน้อยจะต่อต้านการสวมรองเท้าก็เป็นได้ ซึ่งถ้าลูกยังเล็กอยู่ อาการที่แสดงออกอาจเป็นเพียงการงอแงเล็กน้อย แต่ถ้าลูกอยู่ในวัยที่สามารถใช้กล้ามเนื้อแขนขา และมือได้พอสมควรแล้ว บอกได้เลยว่าคุณคงต้องเผชิญกับความวุ่นวายพอสมควร ดังนั้นหากคุณเริ่มต้นดีมีจังหวะค่อยเป็นค่อยไป ก็จะทำให้คุณดูแลสุขอนามัยของเท้าให้กับลูกรักได้ไม่ยากเลย เรามีเคล็ดลับมาบอกค่ะ

                1. อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ควรเริ่มจากรองเท้าที่ทำจากวัสดุที่อ่อนนุ่ม มีน้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกเหมือนไม่ใส่ใจอะไรเลย

                2. หารองเท้าที่มีสีสัน ลวดลายสะดุดตา เพื่อดึงดูดความสนใจจากลูก

                3. ให้ลูกเป็นผู้เลือกรองเท้าคู่แรกของเขาด้วยตัวเอง โดยคุณอาจพาลูกไปเลือกซื้อในมุมรองเท้าที่มีคุณสมบัติตามที่กล่าวไว้ข้างต้น แล้วให้ลูกเป็นผู้หยิบเอาเอง ลูกจะรู้สึกภูมิใจและเป็นผู้อยากใส่รองเท้าด้วยตัวเอง

        และท้ายที่สุดคือ หมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูก หากลูกมีอาการที่บ่งบอกว่าเกิดปัญหายุ่งยากขึ้นจากรองเท้าที่สวมใส่ คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเกิดทัศนคติที่ไม่ดีกับการสวมรองเท้าในภายภาคหน้าค่ะ

ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : mothersdigest

Week 1-3 : สัปดาห์ที่ 1-3 ของการตั้งครรภ์
เซลล์ไข่เริ่มกลายเป็นตัวอ่อนและเจ...
2013-04-05

10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน
10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน (จากปากเรา)...
2013-06-10

การอาบน้ำเด็กทารกอย่างถูกวิธี
วันนี้เราเลยมีวิธีที่จะทำให้เด็กส...
2013-05-21

พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และของเล่นที่เหมาะสม
พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และข...
2013-07-02

การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจขณะตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ...
2013-04-25

Week 5 : สัปดาห์ที่ 5 ของการตั้งครรภ์
สัปดาห์นี้ ควรฝากครรภ์ได้แล้วนะ...
2013-03-29

9 วิธีเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์
คุณแม่ที่กำลังอยากจะมาบุตรต้องทำอ...
2013-06-28

การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ควรมองข้าม
การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่...
2013-04-05

น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง
น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง...
2013-04-29

Week 13 : สัปดาห์ที่ 13 ของการตั้งครรภ์
เต้านมของคุณแม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น, ...
2013-03-29