ภาษาไทย
English

สมองมนุษย์พัฒนาเพราะ “รัก” ไม่ใช่เงินหรือการเรียนพิเศษ

 

 

 
 

      หากมนุษย์ในยุคโลกาภิวัตน์จะหยุดความเร็วลงสักหน่อย ใช้ความสังเกตมากสักนิด เราคงสังเกตพบความผิดปกติบางประการที่กำลังเกิดกับเด็กๆ ในปัจจุบัน นั่นก็คือ สถิติของการเกิดโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder : ADHD) ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเด็กกลุ่มที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ขาดแคลนความรัก หรือก็คือ เด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่แรกเกิด
       
       โดยนักวิจัยพบว่า ในระบบประสาทส่วนกลางของสมองของเด็กกลุ่มที่เติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั้น จะมีเนื้อเยื่อส่วนที่เป็นสีเทา (Grey Matter) และส่วนที่เป็นเนื้อสีขาว (White Matter) น้อยกว่าเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวปกติ และสาเหตุที่ทำให้การพัฒนาของสมองเด็กเป็นไปเช่นนั้น ก็เพราะสภาพแวดล้อมภายในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั้น “ขาดแคลนสิ่งที่เอื้อต่อการพัฒนาของสมอง” ทั้งในด้านบุคลากรที่มีไม่พอเพียง และสภาพแวดล้อมที่ทำให้เด็กไม่ได้รับการกระตุ้นใดๆ ทำได้เพียงนอนเงียบๆ อยู่ในเตียงของตัวเอง หรือไม่ก็ต้องร้องไห้จนเสียงแหบเสียงแห้งกว่าจะได้สิ่งที่ตนเองต้องการ
       
       ความขาดแคลนเหล่านั้นจึงทำให้สามารถอธิบายได้ว่า เพราะเหตุใดเด็กที่อาศัยอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กจึงมีแนวโน้มจะเกิดโรคสมาธิสั้น หรือความผิดปกติทางจิตอื่นๆ ขึ้นมาได้ง่ายกว่าเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวอันอบอุ่น
       
       สำหรับระบบประสาทส่วนกลางนั้น ประกอบด้วย เนื้อเยื่อสมองส่วนสีเทา (Grey Matter) ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อสมองที่อยู่รอบนอกของสมอง ส่วนเนื้อเยื่อสมองส่วนสีขาว (White Matter) นั้นจะอยู่ส่วนในของสมอง และทั้งสองส่วนประกอบด้วยเซลล์ประสาทเช่นเดียวกัน ต่างกันแต่เพียงว่า ในส่วนของเนื้อเยื่อสีเทานั้นหน้าที่หลักเป็นการประมวลผล ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ความจำ ทักษะการพูด ฯลฯ ส่วนเนื้อเยื่อสีขาวจะทำหน้าที่ในการรับส่งสัญญาณจากอวัยวะส่วนต่างๆ ไปยังสมองโดยตรง รวมถึงการควบคุมการทำงานของอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต อุณหภูมิของร่างกาย เป็นต้น

(อ้างอิงจาก http://www.differencebetween.net/science/health/difference-between-grey-and-white-matter)
       
       นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบด้วยว่า เด็กที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กนั้น จะมีระดับสติปัญญาต่ำกว่ามาตรฐาน และมีทักษะทางการใช้ภาษาด้อยกว่าผู้ที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีความรักความอบอุ่นอีกด้วย
       
       ดร.ชาร์ลส์ เนลสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา จากบอสตัน กล่าวว่า การศึกษาชิ้นนี้พบช่วงเวลาที่สำคัญของสมองมนุษย์ นั่นก็คือ ช่วง 2 ปีแรกของชีวิต และการดูแลของสถานรับเลี้ยงเด็กก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาที่สำคัญยิ่งของสมองของเด็กๆ เหล่านั้น
       
       “สิ่งที่สามารถอธิบายได้ถึงปัญหาทางพัฒนาการที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนที่สุด ก็คือ สถานรับเลี้ยงเด็กที่ถูกทอดทิ้งนั้นขาดแคลนสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ อันเป็นส่วนสำคัญที่กระตุ้นให้สมองของมนุษย์เกิดการพัฒนา” 
       
       ปัจจุบันมีพ่อแม่จำนวนมากที่ต้องการให้ลูกของตนเองแสดงความเป็นอัจฉริยะในด้านใดด้านหนึ่งออกมา และพยายามหาวิธีต่างๆ มากมายในการพัฒนาศักยภาพของสมองลูก แต่สำหรับเด็กกำพร้า พวกเขาไม่เพียงแต่ขาดความรักความเอาใจใส่ แต่สิ่งสำคัญต่อการดำรงชีวิตอย่างสมองก็ยังไม่ได้รับโอกาสในการเติบโตอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างมาก
       
       การวิจัยนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และโรงพยาบาลเด็กแห่งบอสตัน สหรัฐอเมริกา
ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : momchannel

Week 1-3 : สัปดาห์ที่ 1-3 ของการตั้งครรภ์
เซลล์ไข่เริ่มกลายเป็นตัวอ่อนและเจ...
2013-04-05

10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน
10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน (จากปากเรา)...
2013-06-10

การอาบน้ำเด็กทารกอย่างถูกวิธี
วันนี้เราเลยมีวิธีที่จะทำให้เด็กส...
2013-05-21

พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และของเล่นที่เหมาะสม
พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และข...
2013-07-02

การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจขณะตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ...
2013-04-25

Week 5 : สัปดาห์ที่ 5 ของการตั้งครรภ์
สัปดาห์นี้ ควรฝากครรภ์ได้แล้วนะ...
2013-03-29

9 วิธีเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์
คุณแม่ที่กำลังอยากจะมาบุตรต้องทำอ...
2013-06-28

การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ควรมองข้าม
การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่...
2013-04-05

น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง
น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง...
2013-04-29

Week 13 : สัปดาห์ที่ 13 ของการตั้งครรภ์
เต้านมของคุณแม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น, ...
2013-03-29