
มุมพ่อแม่ / ก่อนตั้งครรภ์
|
กินปลา ลูกฉลาดจริงหรือ![]() “กินปลาเยอะๆ ลูกจะได้ฉลาด” ประโยคนี้เชื่อว่าแม่ตั้งครรภ์ทุกคนต้องเคยได้ยินไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้งใน ช่วงการตั้งครรภ์ 9 เดือน จริงอยู่ที่ว่าปลาเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ไขมันต่ำ อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 แต่ความเชื่อที่ว่าแม่ท้องกินปลาแล้วจะทำให้ลูกฉลาดนั้น มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร แล้วจะเลือกกินปลาอย่างไรให้เจ้าตัวน้อยในครรภ์ได้ประโยชน์สุดๆ ลองมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันค่ะ แม่ท้องกินปลา แต่ว่าลูกฉลาด…จริงหรือ? จริงหรือไม่ ใช่หรือมั่ว เราไม่อาจฟันธงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ เพราะเรื่องของสติปัญญานั้นนอกเหนือไปจากอาหารการกินแล้ว ก็ยังขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดู และพันธุกรรมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความเชื่อที่ว่ากินปลาจะทำให้ลูกในท้องฉลาดนั้นน่าจะเป็นเพราะในเนื้อปลา นั้นอุดมไปด้วย กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่สำคัญ อย่าง ดีเอชเอ ที่ช่วยบำรุงสมอง โดยพบได้ทั้งในปลาน้ำจืดและปลาทะเลนั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้นในเนื้อปลายังมี วิตามินต่างๆ เช่น แคลเซียม ไอโอดีน วิตามินบี1 บี2 บี6 วิตามินดี มีและมีไขมันต่ำ ดังนั้นปลาจึงจัดได้ว่าเป็นอาหารคุณภาพสำหรับว่าที่คุณแม่ ไม่ว่าความจริงแล้วจะช่วยให้ลูกน้อยฉลาดได้จริงหรือไม่ก็ตาม แต่ดูจากคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ก็คงไม่มีใครปฏิเสธว่าปลาเป็นอาหารที่ดีสำหรับแม่ท้อง จริงไหมค่ะ กินปลาอย่างไรให้ได้ประโยชน์ แม้ว่าเนื้อปลาจะมีประโยชน์สำหรับว่าที่คุณแม่ แต่ก็ใช่ว่าเนื้อปลาทุกชนิดจะปลอดภัยค่ะ คุณควรหลีกเลี่ยงปลาทะเลตัวใหญ่ เช่น ปลาทูน่า ปลาเก๋า ปลาฉลาด เพราะปลาเหล่านี้อาจมีสารปรอทเจือปนอยู่ทำให้เป็นอันตรายต่อเจ้าตัวน้อยใน ครรภ์ได้ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานปลาดิน ซูชิ ซาซิมิ ต่างๆ ควรงดเว้นไปก่อนในช่วงนี้นะคะ ไม่อย่างนั้นคุณอาจได้พยาธิที่เจือปนอยู่ในปลาดิบเป็นของแถมจากความอร่อยโดย ไม่รู้ตัว สำหรับว่าที่คุณแม่ที่ชอบรับประทานปลาแซลมอน หากเป็นไปได้ควรเลือกชนิดที่มาจากธรรมชาติ (wild caught) ซึ่งจะปลอดภัยกว่าปลาแซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์ม เนื่องจากอาจมีการใช้ยาหรือสารเคมีทำให้เกิดสารปนเปื้อนตกค้างในเนื้อปลาได้ อย่างไรก็ตามปลาแซลมอนตามธรรมชาติ แม้จะปลอดภัยกว่าแต่ก็ราคาสูงกว่าเช่นกัน ปริมาณอาหารทะเลและเนื้อปลา ที่แนะนำสำหรับว่าที่คุณแม่ คือ ควรบริโภคให้ได้สัปดาห์ละ 340 กรัม โดยควรเลือกรับประทานเนื้อปลาและอาหารทะเลต่างๆ ให้หลากหลาย สลับกันไป เช่น ปลาทู ปลาแซลมอน กุ้ง ฯลฯ ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : www.pregnancysquare.com |