ภาษาไทย
English

คลอดลูกในน้ำทางเลือกคลอดธรรมชาติ



      หากจะพูดถึงการคลอดตามธรรมชาติแล้ว คุณแม่ท้องหลายท่านคงนึกถึงการคลอดบนบกแบบเบ่งคลอด แต่ยังมีวิธีการคลอดตามธรรมชาติอีกรูปแบบหนึ่งที่ปลอดภัย ก็คือ ‘การคลอดในน้ำ' ถึงแม้การคลอดวิธีนี้จะยังไม่แพร่หลายในเมืองไทยมากนัก เนื่องจากคุณแม่มักจะกลัวว่าน้ำจะเป็นอันตรายแก่ลูกน้อยและมีโรงพยาบาลเพียง ไม่กี่แห่งที่มีการคลอดในน้ำ แต่แท้จริงแล้วการคลอดในน้ำเป็นการคลอดที่ปลอดภัยและอํานวยความสะดวกให้แก่ คุณแม่ในการคลอด ทั้งยังทําให้คุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่างคลอดด้วย หากคุณแม่หาข้อมูลและปรึกษาขอคําแนะนําจากคุณหมอเกี่ยวกับวิธีการคลอดที่ เหมาะสมและทําใจให้สบายแล้ว การคลอดในน้ำก็ไม่ใช่วิธีที่อันตรายอย่างที่คิดเลยค่ะ

    ทําความรู้จัก ‘คลอดในน้ำ'

      การคลอดในน้ำ หรือ Water birth เกิดขึ้นในต่างประเทศ 30 กว่าปีมาแล้ว เป็นการคลอดลูกวิธีธรรมชาติ โดยแม่ท้องลงไปคลอดลูกในอ่างน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิประมาณ 35-37 องศาเซลเซียส โดยแรงพยุงตัวของน้ำอุ่นที่อยู่รอบตัวจะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของคุณแม่ผ่อนคลายและบรรเทาอาการเจ็บปวดจากการคลอด ให้ลดลงอีกด้วย

      โดยธรรมชาติแล้วร่างกายของแม่ท้องจะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตสารเอ็นโดรฟิน ระหว่างภาวะการคลอด เพื่อตอบสนองความต้องการของร่างกายอย่างเพียงพอในการระงับความเจ็บปวด และเมื่อสิ้นสุดภาวะการคลอดแล้วสารเอ็นโดรฟินจะลดปริมาณลง

      ‘น้ำ' สามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้โดยการทํางานร่วมกับสารเอ็นโดรฟิน เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ใยประสาทส่วนที่รับและส่งความเจ็บปวดไปสู่สมองส่วนนอก โดยอาศัยความรู้สึกทางผิวหนังของแม่ระงับความเจ็บปวด อีกทางหนึ่งคือร่วมกับความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวผ่อนคลายความเครียด สภาพแวดล้อมทางใจและกายที่เป็นส่วนตัว ก็จะยิ่งสามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดได้มากขึ้น

    ‘คลอดในน้ำ' ไม่อันตรายอย่างที่คิด

       คุณแม่ท้องอาจมีความกังวลว่าน้ำในอ่างคลอดจะเป็น อันตรายต่อทารกในท้องหรือไม่ แล้วเมื่อทารกคลอดออกมาแล้วจะจมน้ำหรือเปล่า? ที่จริงแล้ว น้ำในอ่างจะเป็นอันตรายต่อท้องของแม่หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของน้ำ ในอ่าง ถ้าน้ำร้อนจนเกินไปก็จะเกิดความเสี่ยงต่อทั้งแม่และลูกในท้อง ดังนั้นอุณหภูมิของน้ำจะต้องอยู่ที่ 35-37 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับอุณหภูมิของน้ำคร่ำในท้องแม่ ประมาณอุณหภูมิของร่างกายปกติ ไม่ร้อนจนเกินไป


      ทั้งนี้ น้ำที่นํามาใช้ในอ่างน้ำคลอดได้ผ่านการฆ่าเชื้อโรค โดยรังสีอัลตราไวโอเลต ที่สามารถกําจัดเชื้อแบคทีเรียได้หมด และกําจัดเชื้อไวรัสบางชนิด ทําให้ทารกปลอดภัยจากการติดเชื้อขณะอยู่ในน้ำ

      ส่วนความกังวลว่าทารกจะจมน้ำหรือไม่นั้น ตอนที่เพิ่งออกจากท้องแม่และยังอยู่ในน้ำอุ่น ทารกจะยังคงได้รับออกซิเจนจากเลือดที่ผ่านจากรกเข้ามาทางสายสะดือ และสามารถปรับตัวได้ก่อนที่จะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ นอกจากนี้แรงดันของน้ำจะช่วยพยุงตัวทารกไว้ให้สามารถลอยตัวอยู่ในอ่างน้ำที่ สภาพและความดันของน้ำเหมือนกับตอนที่อยู่ในถุงน้ำคร่ำ ทําให้ทารกรู้สึกปลอดภัยเหมือนอยู่ในท้องแม่

      ดังนั้น ถึงแม้ทารกจะยังไม่มีการหายใจจนกว่าใบหน้าหรือผิวหนังจะขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่ก็สามารถอยู่ใต้น้ำ ในอ่างเพื่อปรับตัวก่อนขึ้นสู่ผิวน้ำได้นาน 40-60 วินาทีโดยไม่เป็นอันตราย และช่วงเวลานั้นจะช่วยลดความเครียดของทารกได้อีกด้วย เมื่อคุณแม่อุ้มทารกขึ้นสู่ผิวน้ำ ทารกก็จะหายใจทันทีเมื่อใบหน้าโผล่พ้นน้ำและผิวหนังถูกกระตุ้นจากการสัมผัส กับอากาศเย็นภายนอกท้องแม่

   ‘คลอดในน้ำ' ดีอย่างไร?

      • มีความสะดวกสบายและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในการคลอด เพราะเมื่ออยู่ใต้น้ำ ร่างกายของแม่ท้องจะเบา มีอิสระในการเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติและเปลี่ยนท่าได้สะดวก ซึ่งการอยู่ในท่าที่สบายในน้ำอุ่นจะช่วยให้กล้ามเนื้อเชิงกรานและช่องคลอด เปิดให้ส่วนนําของทารกผ่านลงมาได้ง่ายและเร็วขึ้น นอกจากนี้ แรงพยุงของน้ำช่วยให้กล้ามเนื้อ บริเวณเชิงกรานขยายได้ง่าย รวมถึงการฉีกขาดของช่องคลอดน้อยกว่าการคลอดวิธีอื่น ทําให้คุณแม่ฟื้นตัวจากการคลอดได้เร็ว

      • การลอยตัวในน้ำอุ่นจะช่วยกระจายแรงหดรัดตัวของมดลูกออกไป ทําให้เลือดไหลเวียนได้ดีและมีออกซิเจนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยระงับอาการเจ็บท้อง ทําให้คุณแม่รู้สึกสบายตัวและผ่อนคลายอาการเกร็งจากการลดระดับของอะดรีนาลิน และยังเพิ่มระดับของสารเอ็นโดรฟินและออกซิโทซิน ทําให้ความเจ็บปวดบรรเทาลงและระยะเวลาการคลอดสั้นลง

      • การแช่ตัวในน้ำอุ่นจะช่วยลดอาการความดันโลหิตสูงที่เกิดจากความวิตกกังวล โดยแรงต้านหรือแรงลอยตัวของน้ำจะช่วยลดภาวะการกดหรือความเครียด ในช่องท้องด้วยการทําให้กล้ามเนื้อมดลูกได้รับออกซิเจนและบีบรัดตัวอย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ความเจ็บปวดของแม่ลดลง และทารกก็จะได้รับออกซิเจนมากขึ้นด้วย

    คุณแม่ที่ไม่เหมาะกับการคลอดในน้ำ 


      • เป็นโรคติดต่อหรือติดเชื้อเริมที่ผิวหนังหรืออวัยวะเพศ เนื่องจากเชื้อเริมแพร่กระจายได้ง่ายในน้ำ ดังนั้น ช่วงใกล้คลอด แม่ท้องควรได้รับการตรวจเกี่ยวกับเริมเป็นพิเศษและหากสงสัยว่าจะเป็นโรคเริม ควรรีบปรึกษาแพทย์
      • ทารกไม่อยู่ในท่าเตรียมคลอดปกติหรือทารกเอาก้นลง (breech)
      • ทารกมีน้ำหนักตัวมากเกินไป
      • แม่ตกเลือดมากหรือมีอาการติดเชื้อ
      • ตั้งท้องแฝด 
      • เจ็บท้องคลอดก่อนกําหนด 2 สัปดาห์หรือมากกว่า
      • แม่ท้องที่มีความดันโลหิตสูงอันเนื่องมาจากเคยมีอาการชักในระหว่างตั้งครรภ์

VDO การคลอดลูกในน้ำ
 

ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : women.thaiza

Week 1-3 : สัปดาห์ที่ 1-3 ของการตั้งครรภ์
เซลล์ไข่เริ่มกลายเป็นตัวอ่อนและเจ...
2013-04-05

10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน
10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน (จากปากเรา)...
2013-06-10

การอาบน้ำเด็กทารกอย่างถูกวิธี
วันนี้เราเลยมีวิธีที่จะทำให้เด็กส...
2013-05-21

พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และของเล่นที่เหมาะสม
พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และข...
2013-07-02

การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจขณะตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ...
2013-04-25

Week 5 : สัปดาห์ที่ 5 ของการตั้งครรภ์
สัปดาห์นี้ ควรฝากครรภ์ได้แล้วนะ...
2013-03-29

9 วิธีเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์
คุณแม่ที่กำลังอยากจะมาบุตรต้องทำอ...
2013-06-28

การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ควรมองข้าม
การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่...
2013-04-05

น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง
น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง...
2013-04-29

Week 13 : สัปดาห์ที่ 13 ของการตั้งครรภ์
เต้านมของคุณแม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น, ...
2013-03-29