อาหารควรหลีกเลี่ยงของแม่ท้อง
เนื้อสัตว์สำเร็จรูป บรรดาแฮม โบโลน่า ไส้กรอกสำเร็จรูป ที่เรามักจะเอามาทำแซนด์วิชอย่างเอร็ดอร่อยนั้น เป็นสิ่งที่คุณแม่ท้องควรระวังค่ะ เพราะนอกจากจะมีปริมาณโซเดียมหรือเกลือสูง ซึ่งเป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูงในขณะตั้งครรภ์แล้ว ยังอาจมีเชื้อลิสเตอเรีย (Listeria) ที่สามารถเติบโตได้ในอุณหภูมิภายในตู้เย็น ซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อที่รกในครรภ์ และทำให้เด็กในท้องป่วยได้ แต่หากคุณแม่ท้องอยากกินก็พอได้ค่ะ แต่ต้องนำไปผ่านความร้อนก่อน และไม่ควรกินบ่อย ๆ แอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มต้องห้ามเลยสำหรับแม่ท้อง และแม่ที่ให้นมลูกโดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ที่เริ่มสร้างสมอง เส้นประสาท และกระดูกสันหลัง เพราะจะทำให้ลูกที่เกิดมาเป็นโรค Fetal Alcohol Syndrome ที่จะส่งผลให้มีพัฒนาการช้าและไอคิวต่ำ ตับ สำหรับตับบดหรืออาหารประเภทตับที่แม้ทำสุกแล้ว แต่อาหารเหล่านี้จะมีวิตามินเออยู่สูงมาก ซึ่งอาจทำอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ ทำให้เกิดความพิการแก่ทารกได้ แนะนำให้รับประทานวิตามินรวมที่มีวิตามินเอไม่เกินวันละ 5000 i.u. หรือเลือกกินอาหารในกลุ่มที่มีเบต้าแคโรทีนจากธรรมชาติ เช่น ลูกพีช มะละกอ ฟักทอง แครอท และผักใบเขียวเข้มเป็นประจำ ร่วมกับอาหารที่มีคุณภาพก็เพียงพอสำหรับทารกค่ะ
ชีสที่ไม่ได้ฆ่าเชื้อ อาหารที่ยังไม่สุกดีนั้นเป็นสิ่งที่ต้องระวังแม้กระทั่งชีสบางชนิดที่ทำจากนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์อย่าง บลูชีส ชีสกามองแบร์ บรีชีส เป็นต้น เพราะนมที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อจะมีเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้เกิดการแท้ง ทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ หากคุณแม่ท้องอยากกินชีสให้เช็กดูให้ดีว่า ชีสนั้นทำมาจากนมที่ผ่านการพาสเจอไรซ์หรือยัง
ปลาต้องห้าม สำนักงานอาหารและยา และสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯเตือนคุณแม่ท้องในการหลีกเลี่ยงการบริโภคปลา ได้แก่ ปลาดาบ ปลาคิงแมคคอเรล ปลาดาบเงิน ปลากระโทงแทง และปลาฉลาม เพราะปลาเหล่านี้มีสารปรอทตามธรรมชาติอยู่ในระดับที่อาจไม่ปลอดภัย ซึ่งอาจทำอันตรายต่อระบบประสาทที่กำลังพัฒนาของลูกน้อยในครรภ์ ปลาทูน่าก็มีสารปรอทเช่นกัน คุณแม่ท้องควรจำกัดปริมาณการกินอยู่ที่กระป๋องขนาดกลาง (น้ำหนักไม่รวมน้ำ 140 กรัมต่อกระป๋อง) หรือเนื้อปลา 2 ก้อน (สูงสุด 170 กรัมต่อก้อน) ต่อสัปดาห์ หรือเปลี่ยนมาเป็นปลาน้ำจืดสลับกับปลาทะเลชนิดอื่น ๆ แทน
ถั่วลิสง ควรหลีกเลี่ยงการกินถั่วลิสงปริมาณมากระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประวัติการเป็นภูมิแพ้ในครอบครัว เช่น โรคหอบหืด โรคเรื้อนกวาง หรือโรคแพ้ละอองเกสร สำหรับแม่ที่ไม่มีประวัติแพ้มาก่อน ถ้าจะกินต้องเลือกถั่วที่สะอาด ไม่อับชื้น หรือเก็บไว้นาน เพื่อลดปริมาณสารปนเปื้อน
คาเฟอีน ลูกในท้อง ลดการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็น เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก เป็นต้น โดย The Food Standard Agency (FSA) ของอังกฤษ แนะนำว่าควรจำกัดการบริโภคที่ 2 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 200 มิลลิกรัม คาเฟอีนไม่ได้มีอยู่แค่ในกาแฟเท่านั้น แต่ยังมีอยู่ในน้ำอัดลม ช็อกโกแลต หรือยาแก้ไข้บางชนิด ตัวอย่างอาหารที่มีคาเฟอีน ดังนี้
อาหารบางอย่างนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด แต่บางอย่างก็สามารถกินได้ เพียงแต่ควรจำกัดปริมาณและมีความระมัดระวัง แต่คุณแม่ไม่ต้องเครียด ว่าแล้วจะกินอะไรได้บ้าง เพราะส่วนใหญ่ผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่กินตามปกตินั้น ก็จะมีสารอาหารพอให้คุณแม่และลูกในท้องอยู่แล้วค่ะ
ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : baby.kapook |