คนท้องห้ามกินแตงโม จริงหรือ ?

มีคำบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินของคนท้องอยู่หลายข้อที่เราต้องนำ มาคิดศึกษาและพิจารณา บางอย่างน่าเชื่อถือมาก เป็นจริง บางอย่างเป็นแค่ความเชื่อ และมันมีทั้งที่เป็นคำแนะนำให้กินและที่เป็นข้อห้ามไม่ให้กิน ซึ่งการจะเชื่อหรือไม่ควรมีการตรวจสอบและค้นหาข้อมูลประกอบก่อนการตัดสินใจ ด้วยก็จะทำตามที่เขาว่าอันที่คนท้องควรกิน อันนี้ คนท้องห้ามกิน อย่างเช่น เรื่องการดื่มน้ำมะพร้าวแล้วจะล้างไขที่เกาะตัวเด็กทารกในท้อง ข้อนี้ไม่เกี่ยวข้องกันเลย น้ำมะพร้าวไม่เกี่ยวกับการล้างไข และการที่มีไขเกาะเป็นเรื่องดี เพราะไขนั้นทำหน้าที่ในการรักษาอุณหภูมิในร่างกายของทารก และปกป้องผิวหนัง รวมถึงทารกที่สมบูรณ์อยู่ในครรภ์จนครบกำหนด มีไขเกาะมากทั้งสิ้น นี่เป็นข้อแนะนำให้กินยอดนิยมข้อหนึ่ง แต่เมื่อพิจารณาและดูจากการวิจัยแล้วก็ได้ผลดังที่กล่าวไป

มีผลไม้อีกอย่างหนึ่งมี่เขาเล่ากันมาว่าต้องห้ามไม่ควรกิน นั่นก็คือ แตงโม มีผลของการกินที่นำมาประกอบอยู่หลายกระแส มีบางแห่งบอกว่า ห้ามกิน เพราะลูกเกิดมาตัวจะดำ หรือบางที่ก็บอกว่า เขาห้าม ! แต่ไม่บอกว่าเพราะอะไร อันนี้ก็ชวนงงกันไปใหญ่ ไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรถึงห้าม หากกินแล้วจะเป็นอย่างไร…

แต่อย่างไรก็ดีหากนำมาวิเคราะห์ขบคิดกันในแง่ความเชื่อโบราณ แตงโมนั่นท่านว่าเป็นของมีฤทธิ์เย็นจัด คนที่ร่างกายอ่อนแอ อย่างคนไข้ คนป่วยเขาก็ไม่ให้ทาน เพราะพิษเย็นจะแทรก สำหรับคนท้องแต่ก่อน ก็ถูกมองว่าอ่อนแอ ต้องดูแลมาก ต้องเข้าใจก่อนว่าแต่ก่อนหยูกยาและหมอไม่ได้หาได้ง่ายเหมือนทุกวันนี้ ทุกอย่างต้องระวังไว้ก่อนเป็นดี

อีกอย่างที่น่าคิดก็คือ แตงโมเป็นพืชที่มีน้ำมาก อาจจะกลัวในเรื่องอาการบวมน้ำซึ่งเป็นอาการที่พบได้ในคนท้อง รวมไปถึงเป็นผลไม้ที่มีความหวาน ก็เป็นไปได้ว่าจะแสลงต่ออาการเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จนถึงอาการครรภ์เป็นพิษ ซึ่งก็มีโอกาสเป็นได้

และหากมองในมิติของปัจจุบัน แตงโมเป็นผลไม้อย่างหนึ่งที่ว่ากันว่ามีการตรวจพบการใช้สารเคมีอันตรายในการ เพาะปลูก นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้การรับประทานแตงโมของคนท้องต้องระวัง แต่ไม่น่าถึงขั้นเป็นอะไรที่ คนท้องห้ามกินอะไรเด็ดขาด ขนาดนั้น ทานแต่น้อยพอให้ได้ชื่นใจก็น่าจะพอได้อยู่ ส่วนเรื่องทานแล้วตัวดำ ยังไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวตรงไหน แต่ก็ยังไม่อาจหางานวิจัยมายืนยันได้ ก็ต้องศึกษากันต่อไป

นี่เป็นสมมุติฐานคำตอบของเรื่องที่ว่า คนท้องห้ามกินแตงโม จริงหรือ ขอให้ลองนำไปพิจารณากันดู