ร้องเพลงให้ลูกฟังตอนนี้ลูกจะได้ยินเสียงแม่หรือยังนะ? เล่านิทานให้ลูกฟัง ลูกจะได้ยินหรือเปล่า? เชื่อว่าว่าที่ คุณแม่มือใหม่ ทั้งหลาย ต้องเคยมีคำถามเหล่านี้เกิดขึ้นในใจเป็นแน่ เมื่อคิดว่าจะพูดคุยหรือร้องเพลงให้ลูกน้อยในครรภ์ฟัง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของ อายุครรภ์ คุณอาจไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณพูด และได้ยินไปถึงหูของเจ้าตัวเล็กหรือไม่ ว่าแล้วเราไปตามติดพัฒนาการด้านการฟังของทารกในครรภ์กันดีกว่าค่ะ การฟังของเบบี้ เริ่มขึ้นเมื่อไร เชื่อหรือไม่ค่ะว่า พัฒนาการด้านการฟังของลูกนั้น เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คุณอาจจะคาดคิด โดยเมื่อคุณแม่อายุครรภ์ประมาณ 6 สัปดาห์ ภายในร่างกายของลูกน้อยที่ยังเล็กเพียงเมล็ดถั่ว เริ่มมีการพัฒนาเซลล์ที่จะกลายเป็นสมอง ใบหน้า ดางตา จมูกและหู แล้ว และแม้ว่าการอัลตร้าซาวน์ในช่วงนี้จะยังมองไม่เห็นหูเป็นรูปเป็นร่าง แต่ภายในศรีษะเล็กๆ นั้นท่อการรับฟังในหูชั้นในกำลังเริ่มเข้าสู่กระบวนการพัฒนา เมื่ออายุครรภ์เข้าสู่สัปดาห์ที่ 9 ด้านข้างของลำคอก็เริ่มจะมีรอยเล็กๆ บุ๋มเข้าไป แม้ว่าจะยังไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมนัก แต่จากจุดนี้เองเมื่อร่างกายของทารกในครรภ์พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง เจ้ารอยบุ๋มเล็กๆ นี้จะกลายเป็นหูน้อยๆ ของลูกรักในที่สุด หูและการได้ยินของลูกยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปจนถึง ไตรมาสที่สอง ของการ ตั้งครรภ์ กระทั่งอายุครรภ์เข้าสู่สัปดาห์ที่ 16พัฒนาการต่างๆ ก็เริ่มจะมากพอให้เจ้าตัวน้อยได้ยินเสียงบางเสียงได้ เช่น เสียงท้องร้องของคุณแม่ เสียงลมเข้าออกภายในปอดของคุณ และหลังจากนี้อีกไม่กี่สัปดาห์ เจ้าตัวน้อยก็จะสามารถได้ยินเสียงต่างๆ มากขึ้น กระทั่งอายุครรภ์ 24 สัปดาห์ ทารกจะเริ่มหันศรีษะตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยิน เสียงแม่ ชัดเจนที่สุด แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่เจ้าตัวน้อยจะได้ยินอย่างชัดเจนไปมากกว่าเสียงของ คุณแม่ อีกแล้ว มีการศึกษาที่พบว่าหัวใจของทารกเต้นแรงขึ้น เมื่อได้ยินเสียงคุณแม่ ฉะนั้น เล่านิทาน อ่านหนังสือ ร้องเพลง พูดคุยกับลูกบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้เจ้าตัวน้อยคุ้นเคยกับเสียงของคุณมากที่สุดก่อนที่เขาจะลืม ตามาดูโลกนะคะ สำหรับคุณพ่อ ไม่ต้องน้อยใจค่ะ ทารกในครรภ์เรียนรู้ที่จะจดจำเสียงอื่นๆ ที่ได้ยินเป็นประจำอีกด้วย และแน่นอนว่าเสียงของคุณพ่อย่อมเป็นหนึ่งในนั้น กระตุ้นการฟังทารกในครรภ์อย่างไรดี จำเป็นไหมต้องเปิดเพลงคลาสสิค แล้วเอาหูฟังแนบท้องให้ลูกได้ยิน? จะว่าไปแล้ว เสียงทั่วๆ ไปในชีวิตประจำวันก็เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นการได้ยินของลูก หากคุณฟังเพลง ก็เพียงเปิดเพลงในระดับความดังปกติ อาจจะร้องคลอตามเพลงไปด้วยเพื่อให้ลูกได้ยินเสียงของคุณ แต่หากคุณจำเป็นต้องทำงานในสถานที่ที่มีเสียงดัง เกินกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ก็อาจจำเป็นต้องพูดคุยกับเจ้านายเพื่อขอหลีกเลี่ยงเสียงดังกล่าว เพราะการอยู่ในที่ที่เสียงดังอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำ อาจส่งผลต่อพัฒนาการและการได้ยินของลูกได้ 5 เคล็ดลับ คุณแม่ …ไม่ต้องจ่ายแพงก็มีผิวสวยใสได้! ตั้งครรภ์ – ปลอดภัยไหม ถ้าจะไปทำเล็บ!! ก่อนตั้งครรภ์ – พร้อมไหมสำหรับลูกคนที่สอง? เรียบเรียงโดย : นิตยสารบันทึกคุณแม่ http://www.mothersdigest.in.th/ ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : www.mothersdigest.in.th/ |