วัคซีนนี้เพื่อลูกตัวน้อยวัยแรกเกิด
เจ้าหนูตัวเล็กเมื่อแรกเกิดก็ต้องเจอเรื่องเจ็บตัวเข้าซะแล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งตกใจกันไปค่ะ เพราะที่บอกว่าลูกต้องเจ็บตัวนั้น ก็เพราะเจ้าหนูตัวเล็กจำเป็นต้องได้รับวัคซีน นั่นก็เพราะร่างกายของลูกยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงดีพอที่จะรับมือกับเชื้อโรคต่างๆ จึงจำเป็นต้องได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันโรคที่อาจเกิดได้ และก็จำเป็นต้องได้รับตั้งแต่แรกเกิด (ตารางการรับวัคซีนของทารก สามารถดูได้จากสมุดประจำตัวลูกแรกเกิด ว่าควรต้องได้รับวัคซีนไปจนถึงอายุเท่าไหร่) วัคซีนที่ทารกควรได้รับตั้งแต่แรกเกิด- 12 เดือน
|
บีซีจี(ป้องกันวัณโรค) , ตับอักเสบบี ครั้งที่1 |
1-2 เดือน |
ตับอักเสบบี ครั้งที่ 2 |
2 เดือน |
คอตีบ,บาดทะยัก , ไอกรนชนิดปกติ ครั้งที่ 1,หยอดโปลิโอ ครั้งที่ 1 |
4 เดือน |
คอตีบ,บาดทะยัก , ไอกรนชนิดปกติ ครั้งที่ 2,หยอดโปลิโอ ครั้งที่ 2 |
6 เดือน |
คอตีบ,บาดทะยัก ,ไอกรนชนิดปกติ ครั้งที่ 3,หยอดโปลิโอ ครั้งที่ 3,ตับอักเสบบี ครั้งที่ 3 |
9-12 เดือน |
หัด, หัดเยอรมัน , คางทูม ครั้งที่ 1 |
ข้อควรทราบเกี่ยวกับวัคซีนแต่ละชนิด วัคซีนวัณโรค (BCG) หลังฉีดประมาณร้อยละ 1-2 อาจจะพบปฏิกิริยาเป็นฝีหนอง ต่อมน้ำเหลืองโตเฉพาะที่ และตำแหน่งที่ฉีดเป็นตุ่มนูนแจกเป็นแผล ปฎิกิริยานี้จะอยู่นานประมาณ 3 เดือน และมักมีรอยแผลเป็นเกิดขึ้น วัคซีนตับอักเสบบี (HBV) อาจจะพบว่ามีอาการปวดบวมบริเวณที่ฉีดหรือไข้ ซึ่งมักจะเริ่มเป็นหลังจากฉีดได้ 3-4 ชั่วโมง และเป็นไม่เกิน 24 ชั่วโมง ควรให้ยาลดไข้แก่เด็กที่มีไข้หรือร้องกวน และอาจจะมีอาการอื่นได้บ้างเช่น ครั่นตัว อ่อนเพลีย ไม่มีผลกับการเกิดภาวะทารกตายฉับพลัน (Sudden infant death syndrome, SIDs) วัคซีนคอตีบ-ไอกรน-บาดทะยัก (DPT) มีวัคซีนที่รวมโปลิโอไว้ด้วย และ มีวัคซีนรวมที่รวมทั้งโปลิโอและไวรัสตับอักเสบบีไว้ด้วยสำหรับอายุ 6 เดือน เมื่อได้รับวัคซีนครบตามกำหนดภูมิคุ้มกันจะเริ่มเกิดประมาณ 2 สัปดาห์หลังได้รับวัคซีนเข็มแรก มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโรคคอตียได้ร้อยละ 95 โรคบาดทะยักได้ร้อยละ 100 โรคไอกรนได้ร้อยละ 50-90 โดยภูมิคุ้มกันโรคคอตีบ และบาดทะยักอยู่ได้นาน 10 ปี โรคไอกรนอยู่ได้นาน 5-7 ปี หลังจากฉีดอาจจะพบอาการ ปวด บวมแดงร้อนบริเวณที่ฉีด ไข้ ร้องกวน แนะนำให้ประคบเย็นและให้ยาลดไข้บรเทาปวด หากมีปฎิกิริยาแพ้ที่รุนแรงแนะนำให้รีบไปพบแพทย์ วัคซีนโปลิโอ มีทั้งชนิดที่หยอดให้รับประทานและชนิดฉีดที่รวมกับวัคซีนคอตีบ-ไอกรน-บาดทะยัก ในกรณีที่ใช้ชนิดกินต้องระวังผลข้างเคียงที่อาจจะทำให้เกิดอัมพาต (Vaccine-associated paralytic poliomyelitis, VAPP)ได้ในอัตรา 1:24 ล้านโด๊ส และห้ามให้หากในครอบครัวมีคนที่มีภูมิคุ้มกันผิดปกติ ในกรณีที่ใช้แบบฉีดอาจจะเจ็บปวดเฉพาะบริเวณที่ฉีดเล็กน้อย ไม่มีปฎิกิริยารุนแรง ไม่ควรให้กับเด็กที่มีประวัติแพ้ยาฆ่าเชื้อ Sterptomycin, Neomycin หรือ Polymycin B ซึ่งเป็นส่วนผสมในวัคซีน วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR) หลังฉีดอาจจะพบอาการ ไข้ ผื่น ซึ่งมักเกิดหลังฉีดวัคซีน 6-12 วัน ไข้มักอยู่เพียง 1-2 วัน ต่อมน้ำเหลืองโต เกร็ดเลือดต่ำซึ่งจะหายได้เอง เป็นต้น และวัคซีนนี้ไม่ทำให้เด็กเป็นโรคออทิสติก วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JE) หากเป็นวัคซีนเชื้อตาย แนะนำให้เริ่มฉีดเข็มที่ 1 ที่อายุ 12 เดือน และเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1-4 สัปดาห์ และเข็มกระตุ้นห่างจากเข็มแรก 1 ปี หากเป็นวัคซีนเชื้ออ่อนฤทธิ์ เริ่มฉีดที่อายุ 9-12 เดือน และเข็มกระตุ้นห่างจากเข็มแรก 3-12 เดือน หลังฉีดอาจจะพบว่ามี ไข้ ผื่น ปวด บวมบริเวณที่ฉีดได้ วัคซีนเยื่อหุ้มสมองฮิบ (Hib) หลังฉีดอาจจะพบว่ามี ไข้ ผื่น กระสับกระส่าย ปวด บวมบริเวณที่ฉีดได้ เมื่อฉีดพร้อมกับวัคซีนคอตีบ-ไอกรน-บาดทะยัก จะไม่ทำให้ปฎิกิริยาเพิ่มขึ้น วัคซีนนิวโมคอคคัส (IPD) หลังฉีดวัคซีนอาจบพว่าบริเวณที่ฉีดมีอาการปวด บวมแดง ผื่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ ถ่ายเหลว และมีไข้ 1-2 วันหลังฉีดได้บ้าง วัคซีนโรตา (Rota) วัคซีนโรตาของบางบริษัทสามารถหยอดพียง 2 ครั้ง บางบริษัทต้องหยอด 3 ครั้ง ปฎิกิริยาหลังจากฉีดวัคซีนอาจพบได้บ้างแต่ไม่มาก เช่น ไข้ เบื่ออาหาร ถ่ายเหลว อาเจียน งอแง ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะลำไส้กลืนกัน (Intussusception) เพิ่มขึ้น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza) ในการฉีดครั้งแรกต้องฉีด 2 ครั้ง โดยแต่ละข็มจะฉีดห่างกัน 1 เดือน หลังฉีดวัคซีนอาจพบว่ามีอาการไข้ น้ำมูก ปวดศีรษะ อาเจียนปวดเมื่อย ไม่ควรให้ในเด็กที่แพ้ไข่ หรือกำลังรักษาด้วยยาแอสไพริน วัคซีนสุกใส (Varicella) เข็มแรกฉีดได้ตั้งแต่อายุ 12-18 เดือน หลังฉีดอาจพบอาการปวด บวมแดงบริเวณที่ฉีด ผื่น ไข้ ไม่ควรให้ในคนที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติหรือใช้ยากดภูมิคุ้มกัน แพ้ Gelatin หรือ ยาฆ่าเชื้อ Neomycin ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน 1. คุณพ่อคุณแม่ควรทราบว่า ลูกได้รับวัคซีนอะไรบ้างในแต่ละครั้ง และสังเกตอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังจากพาลูกไปฉีดวัคซีน เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ให้การดูแลได้อย่างถูกต้อง 2. การฉีดวัคซีนบางชนิดต้องให้มากกว่า 1 ครั้ง และต้องฉีดอีกเป็นครั้งคราวจึงจะได้ผลป้องกันโรคได้เต็มที่ คุณพ่อคุณแม่จึงควรพาลูกมาตามที่คุณหมอนัดทุกครั้ง 3. ในวันนัดฉีดวันซีน ถ้าลูกเป็นไข้ ควรเลื่อนไปจนกว่าลูกจะหายไข้ 4. ในรายที่ไม่สามารถมาตามนัดได้ อย่าเลิกไป ควรพาลูกไปรีบวัคซีนให้ครบไม่ว่าจะเว้นไปนานเท่าไหร่ ก็ให้ต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องตั้งต้นใหม่ 5. ถ้าลูกมีอาการรุนแรงหลังฉีดวัคซีน เช่น ชัก ไข้สูงมาก ควรแจ้งคุณหมอทราบก่อนฉีดครั้งต่อไป 6. การฉีดวัคซีน BCG วัคซีนป้องกันวัณโรค ซึ่งเด็กแรกเกิดทุกคนจะได้รับการฉีดที่ไหล่ซ้าย หลังจากฉีดแล้วจะไม่มีแผล แต่ต่อมาประมาณ 3-4 อาทิตย์ จะเห็นเป็นตุ่มขึ้นมา บวมแดง แตก อาจมีหนองหรือไม่มีหนองก็ได้ ให้เช็ดผิวหนังบริเวณนั้นให้สะอาด และเช็ดให้แห้งด้วยแอลกอฮอล์ 70% ทุกครั้งที่แผลเปียก ตุ่มนี้จะค่อยๆ แห้งลง 7. หลังการฉีดวัคซีนบางชนิด เด็กอาจตัวร้อนอยู่ประมาณ 1-2 วัน ควรเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น และให้ยาลดไข้ตามที่คุณหมอแนะนำ
ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : mommybear
|