เล่นแบบเบาๆ ของเด็กแรกเกิด
พัฒนาการของเด็กมีความซับซ้อนและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันมีปัจจัยสำคัญที่ตัวเด็กและสิ่งแวดล้อมพัฒนาการของเด็กที่เกิดขึ้นตลอดเวลา หากได้รับการตอบสนองจากพ่อแม่หรือผู้ใกล้ชิดในครอบครัวอย่างถูกต้อง จะทำให้เด็กได้เรียนรู้และช่วยส่งเสริมให้เกิดกระบวนการพัฒนาลักษณะบุคลิกภาพจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และในทางตรงกันข้าม หากเด็กได้รับการตอบสนองไม่ถูกต้อง ก็ย่อมก่อให้เกิดผลเสียกับเด็กคนนั้นๆ เช่นกัน
เมื่อแม่อุ้ม กอด สัมผัส และให้ลูกดูดนมแม่ จะก่อเกิดความผูกพันทางจิตใจที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของลูกยิ่งนัก ยิ่งอยู่ใกล้กันยิ่งเกิดความสนิทสนมและมสีความเข้าอกเข้าใจกัน เวลานี้คุณแม่จะเรียนรู้ถึงความต้องการของเด็ก รวมทั้งรู้ด้วยว่าลูกจะชอบเล่นและสนุกกับอะไร สำหรับเด็กแรกเกิดคุณสามารถเล่นกับลูกได้โดย การส่งเสียงพูดช้าๆ ช่วยให้ลูกเกิดความสนใจ หรืออาจจะแสดงสีหน้า ทำเสียงอืออา ขยับริมฝีปากบิดไปมา จะทำให้เด็กมองตาม บางครั้งก็สามารถเลียนแบบการอ้าปากและแลบลิ้นได้ ทั้งนี้ เด็กทารกแรกเกิดสามารถมองเห็นชัดเจนในระยะห่างประมาณ 8-9 นิ้วเท่านั้น
ในระยะแรกเด็กมักจะอยู่ในท่างอแขนขามีการเคลื่อนไหวเท่ากันทั้ง 2 ข้างในท่านอนคว่ำ และเด็กก็จะมีปฏิกิริยาสะท้อนกลับโดยธรรมชาติ เช่น การดูด การโต้ตอบเมื่อมีสิ่งสัมผัสข้างแก้ม การขยับแขนขาเมื่อตกใจ การก้าวของขาเมื่อจับยืนและเท้าแตะพื้น ที่คุณสามารถทดสอบได้เอง เมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือน คุณแม่ก็จะมีความชำนิชำนาญมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจับลูกอาบน้ำ อุ้มลูกให้ดูดนม อย่างไรก็ตามเด็กในช่วงนี้ก็จะยังคงต้องการนอนมากอยู่ดี โดยจะนอนถึงวันละประมาณ 12 ชั่วโมง เวลาตื่นก็จะร้องขยับตัวไปมาแล้วก็จะหลับไปอีก แต่เมื่อเห็นลูกตื่นขึ้นหรือเริ่มร้องไม่จำเป็นต้องป้อนนมหรือให้ลูกดูดนมทุกครั้งไป แต่ควรจะใช้วิธีกล่อมเบาๆ พูดคุยเล่นด้วย ก็จะทำให้เด็กสงบลงได้
ยามที่ลูกตื่นและปราศจากสิ่งรบกวนอื่นๆ จะเป็นเวลาที่เหมาะสมต่อการกระตุ้นการพัฒนาการของลูก ทั้งทางด้านอารมณ์ สติปัญญา จิตใจ และร่างกาย เราสามารถกระตุ้นด้วยการใช้เสียงเป็นสื่อ เช่น เสียงพูด เสียงเพลง เสียงดนตรีไขลาน หรือกระตุ้นเรื่องของการเคลื่อนไหวและสายตาด้วยโมบาย พร้อมกับเสริมสร้างอารมณ์และสิ่งแวดล้อมที่สดใสร่าเริงต่อลูก เพราะเป็นสิ่งกระตุ้นพัฒนาการที่สำคัญยิ่งในอนาคต