ลูกน้อย “เก่ง” ได้ด้วยมือพ่อแม่ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ระบุความหมายของคำว่า “เก่ง” ไว้ว่า... เก่ง = สามารถในทางใดทางหนึ่ง เช่น คำนวณเก่ง เรียนเก่ง เป็นต้น ฉลาด = เฉียบแหลม ไหวพริบดี ปัญญาดี อัจฉริยะ = วิเศษอัศจรรย์ มีความรู้ความสามารถเกินกว่าระดับปกติ ฉะนั้น "เด็กเก่ง" จึงหมายถึงเด็กที่มีความสามารถในการเรียนรู้ และปรับประสบการณ์การเรียนรู้นั้นให้เข้ากับสภาพแวดล้อม หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เหมาะสม ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับพัฒนาการของสมองในแต่ละช่วงอายุ
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นเด็ก “เก่ง” หากลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่แสดงออกถึงแววอัจฉริยะให้เห็นตั้งแต่เล็ก เช่น บอกโน้ตเปียโนได้ทันทีที่คุณแม่เล่นเปียโนให้ฟัง ก็พอจะบอกได้ว่าลูกน่าจะเก่งดนตรี แต่ส่วนใหญ่ยากที่จะบอกได้ว่าเด็กจะเก่งหรือไม่ก่อนอายุ 2 ปี และมีถึง 3-5% ที่จะเริ่มฉายแววเก่งเมื่อเริ่มเป็นผู้ใหญ่ แต่หากลูกมีพฤติกรรมดังนี้ น่าจะบอกได้ว่าเป็นเด็ก “เก่ง” แน่นอนค่ะ... - มีความสามารถในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เร็วและมีความจำดี - ชอบที่จะใช้ความคิด - สนใจอยากรู้อยากเห็นอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ - แสดงความอยากรู้อยากเห็นด้วยความคิดที่ลึกซึ้งกว่าอายุ - คอยถามโน่นถามนี่กับคุณแม่บ่อยๆ - มีวุฒิภาวะดีกว่าเด็กอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน - มีความสามารถในการใช้ภาษา ใช้คำศัพท์ต่างๆ ได้ดี และสนใจการอ่านหนังสือมาก ๆ - ชอบทำการทดลองเพื่อหาคำตอบในการแก้ปัญหา - เป็นเด็กที่มีความไวในการรับรู้ต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว - มีความเมตตา กรุณาและเห็นอกเห็นใจคนอื่นและสัตว์เลี้ยง - มีความสามารถในการคิดและแก้ปัญหาต่างๆได้ดี - ชอบเกมที่ท้าทายทางความคิด เช่น เกมทางปัญหา เกมตัวเลข เกมหมากกล ฯลฯ - มีจินตนาการที่ค่อนข้างแจ่มชัด เช่น เล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังได้ว่า โตขึ้นเขาอยากเป็นนักบินจะได้ขับเครื่องบินเจ๊ต จะเรียนให้เก่ง ๆ ฯลฯ - มีช่วงสมาธิที่ดีและยาวนานกว่าเด็กในวัยเดียวกัน - สามารถเล่นหรือทำอะไรที่ต้องการสมาธิได้ดี - บางทีอาจมีท่าทีท้าทายโต้แย้งผู้ใหญ่ - บางครั้งจะมีท่าทีเบื่อง่ายถ้าต้องทำในสิ่งที่ง่ายเกินไป หรือไม่ท้าทายพอ - ดูเหมือนมีพลัง มีความกระตือรือล้นในตัวค่อนข้างมาก ถ้าลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่มีทักษะข้างต้นอยู่หลายข้อ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อจะได้พัฒนาความสามารถพิเศษของลูกอย่างเต็มที่ และหมั่นสังเกต ค้นหาศักยภาพในตัวลูกให้พบ โดยจัดกิจกรรมที่หลากหลายให้ลูกได้ลอง เรียนรู้ตามความสนใจและความถนัดของลูกด้วยค่ะ เด็กแต่ละคนมีความเก่งที่แตกต่างกันในแต่ละด้าน ซึ่งพอจะแยกได้ดังนี้ค่ะ 1.ด้านภาษา ลูกน้อยที่มีความสามารถด้านนี้มักจะพูดแสดงความคิดเห็นของตนได้ดี ใช้ภาษาคำศัพท์ ได้อย่างเหมาะสม ชอบอ่าน ชอบเขียนเล่าเรื่อง ชอบเล่นเกมทายคำ 2.ด้านคิดเป็นเหตุเป็นผลและคณิตศาสตร์ ลูกที่เก่งด้านนี้จะคิดในใจได้เร็ว ชอบหาความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ จัดสิ่งต่างๆ เป็นระเบียบ แยกเป็นกลุ่ม ๆ คิดและทำงานอย่างเป็นระเบียบ ชอบทดลอง เพื่อทดสอบ สังเกต ความคิดของตน ชอบเล่นเกมที่ต้องใช้ เหตุผล 3.ด้านมิติสัมพันธ์ รูปทรงและโครงสร้าง ลูกที่ถนัดด้านนี้จะรับรู้ความสัมพันธ์ของการจัดวางสิ่งของต่างๆ ได้ดี 4.ด้านดนตรี ลูกที่เก่งด้านนี้จะไวในการรับรู้เสียงต่าง ๆ จดจำเสียงเพลงหรือท่วงทำนองได้เร็ว สนใจฟังหรือเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ ในเด็กโตบางคนอาจจะเปิดเพลงฟังตลอดเวลาในช่วงการอ่านหนังสือ 5.ด้านกาและการเคลื่อนไหว ลูกที่ถนัดด้านนี้จะเคลื่อนไหวร่างกายได้คล่องแคล่ว ชอบออกกำลังกาย มีทักษะทางกีฬา ไม่นิ่ง ขยับเท้าหรือทำท่าเต้นไปตามจังหวะต่าง ๆ ได้ดี ชอบแสดงออก เต้น ปีนป่าย 6.ด้านสังคมและ ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ลูกที่ถนัดด้านนี้จะมีทักษะในการพูดคุย โต้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ รับรู้และเข้าใจได้ดีกว่าคนอื่นๆ มีความคิด ชอบอยู่ในกลุ่มคนเพื่อพูดคุย รับฟัง และแก้ปัญหาต่าง ๆ 7.ด้านความเชื่อมั่นในตนเอง ลูกที่ถนัดด้านนี้จะรู้ว่าตนเองคือใคร ต้องการสิ่งใดในชีวิต มุ่งมั่นที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ตามเป้าหมายโดยไม่ย่อท้อ ดูเหมือนมีพลังพิเศษในตัวเอง ชอบคิดวิเคราะห์ และมุ่งมั่นทำในสิ่งที่ตั้งใจ บางครั้งอาจไม่ค่อยนึกถึงความรู้สึกคนอื่น ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับตน ลองสังเกตดูนะคะว่าลูกน้อยของคุณมีความพิเศษโดดเด่นทางด้านไหน และหาทางสนับสนุนให้ไปได้สูงสุดตามศักยภาพของเขา โดยไม่บังคับหรือคาดคั้นให้ เพราะการถูกบังคับ หรือมีความเครียดจะสกัดกั้นการเรียนรู้ของลูกน้อยค่ะ โชคดีทุกครอบครัวนะคะ ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : kapook |