ภาษาไทย
English

“ลูก-งานไปด้วยกันได้” กับ 6 สไตล์งานน่าสนใจสำหรับพ่อแม่

 


 
       ปฏิเสธไม่ได้ว่า การนั่งทำงานออฟฟิศอาจไม่ใช่ทางเลือกสำหรับคนเป็นพ่อแม่ในยุคนี้อีกต่อไป เหตุเพราะมีปัจจัยหลายๆ ประการเข้ามาข้องเกี่ยว เช่น การไม่มีใครให้ฝากเลี้ยง จะพาไปฝากเนิร์สเซอรีก็เสี่ยงที่จะป่วยบ่อย ถูกทำร้าย สถานที่ไม่ได้มาตรฐาน จะจ้างพี่เลี้ยงก็เสี่ยงไม่แพ้กัน เพราะเด็กเล็กต้องการคนดูแลที่สามารถปลูกฝังพฤติกรรมดีๆ ให้กับเด็กได้ ไม่ใช่เลี้ยงแบบทิ้งขว้าง หรือเปิดทีวีให้ดูละครน้ำเน่าทั้งวัน ส่วนทางเลือกที่จะฝากปู่ย่าตายาย ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า ปู่ย่าตายายในยุคนี้บางท่านก็ยังต้องทำงาน ไม่สามารถสละเวลามาช่วยเลี้ยงหลานได้เหมือนปู่ย่าตายายในอดีต 
       
       หันไปหันมา หนีไม่พ้นพ่อแม่ที่จะต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตนเองให้เหมาะกับสถานภาพของครอบครัวในเวลานี้เสียเอง ซึ่งการปรับเปลี่ยนนั้น ส่วนหนึ่งต้องเข้าใจด้วยว่าคนที่มีลูกเล็กนั้นต้องการงานที่มีความยืดหยุ่นสูง ไม่จำเป็นต้องนั่งติดกับโต๊ะทำงานตลอดทั้งวัน เพราะเด็กเล็กจะค่อนข้างไม่อยู่นิ่ง หรือบางคนก็ป่วยง่าย หากเป็นงานที่ต้องลาไปพบแพทย์ หรือต้องขาดงานเพราะลูกไม่สบายอยู่เนืองๆ ก็จะลำบากใจไม่น้อย สำหรับคนที่มีลูกโตขึ้นหน่อยนั้นก็ต้องการงานที่ยืดหยุ่นได้ไม่แพ้กัน แต่เป็นความยืดหยุ่นคนละแบบ เพราะในเด็กวัยเรียนเป็นความยืดหยุ่นที่อาจมีการวางแผนล่วงหน้า เช่น คุณครูประจำชั้นนัดพบผู้ปกครอง วันที่โรงเรียนมีกิจกรรมและต้องให้ผู้ปกครองไปร่วมงานด้วย เป็นต้น
       
       ลักษณะงานที่เหมาะสมสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการเลี้ยงลูกเอง
       
       - เป็นงานที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถบริหารจัดการเวลาทำงานเองได้ 
       - เป็นงานที่ไม่จำเป็นต้องนั่งติดกับโต๊ะทำงานตลอดเวลา 
       - เป็นงานที่สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์
       
       อย่างไรก็ดี การได้โอกาสดังกล่าวมาครอบครองคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ถ้าสามารถทำได้ก็จะเป็นชีวิตในฝันที่ได้มีโอกาสทั้งดูแลลูก และทำงานไปพร้อมๆ กัน โชคดีของคุณพ่อคุณแม่ที่ได้งานในลักษณะนี้ ก็คือ ไม่ต้องไปฝากชีวิตคนที่เรารักไว้กับคนอื่น เช่น พี่เลี้ยงอาเซียน หรือเนิร์สเซอรี ที่บางท่านก็ได้พบกับประสบการณ์ไม่ดี โดยคุณอาจต้องแลกกับบางสิ่งบางอย่าง เช่น การทำงานในเวลาที่แตกต่างจากคนอื่นบ้างเพื่อให้ตนเองสามารถดูแลลูกได้ (เพราะคนที่เป็นพ่อแม่และได้เลี้ยงลูกเองจะทราบดีว่า ในเวลาที่ลูกตื่นนั้น ยากที่จะหาความสงบได้นั่นเอง และยิ่งลูกเริ่มหัดเดิน เริ่มซน เริ่มวิ่งได้ คุณจะยิ่งไม่มีเวลาไปสนใจสิ่งอื่นๆ เพราะต้องไล่ตามเจ้าตัวเล็กจนกว่าพวกเขาจะหมดแรง และนอนหลับไป จากนั้นจึงจะถึงตาของคุณที่จะได้จัดการงานต่าง ๆ ของตนเองบ้างนั่นเอง)
       
       วันนี้เราจึงขอหยิบยกลักษณะงานที่ใกล้เคียงกับงานในรูปแบบดังที่กล่าวไว้ข้างต้นมาฝากกัน จะมีงานอะไรบ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ
 
       
       - เปิดเนิร์สเซอรี
       
       หากคุณมีลูกเล็ก และมีความพร้อมในการดูแลเด็กๆ รวมถึงมีทุนในระดับหนึ่ง การเปิดสถานรับดูแลเด็กขึ้นมาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้คุณมีรายได้ และสามารถดูแลลูกของคุณ (พร้อมๆ กับดูแลลูกของผู้ใช้บริการท่านอื่นๆ) ไปพร้อมๆ กัน สนใจค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมพัฒนาสังคม และสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อย่างไรก็ดี งานในลักษณะดังกล่าวอาจต้องมีการรับพี่เลี้ยงเด็ก และเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งหากคุณเป็นพ่อแม่ที่มีความสามารถในการบริหารจัดการ และสามารถดูแลธุรกิจได้แล้วนี่อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว สำหรับคำแนะนำที่จะมีให้กับผู้สนใจธุรกิจดังกล่าว เราขอบอกได้เพียงว่า ความต้องการของคนเป็นพ่อแม่ที่อยากจะหาเนิร์สเซอรีดีๆ นั้นยังมีสูงมาก โดยเฉพาะในย่านที่มีสำนักงาน สถานที่ราชการกระจุกตัวกันมากๆ นั่นเอง (ยกตัวอย่างเช่น ย่านศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ) เพราะคนเป็นพ่อแม่ก็ต้องมาทำงานในย่านนั้นๆ อยู่แล้ว การได้ทราบว่าลูกอยู่ใกล้ๆ สามารถแวะไปเยี่ยมในช่วงพักเที่ยงได้ หรือมีเหตุฉุกเฉินใดๆ ก็สามารถบึ่งมาหาได้อย่างรวดเร็วก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ทำงานอย่างมีความสุขขึ้นอีกมากค่ะ
       
       - ผู้ผลิตสินค้าสำหรับเด็ก
       
       คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเมื่อมีประสบการณ์ในการเลี้ยงเด็กมาพอสมควรแล้ว หลายคนก็มองทะลุไปถึงความต้องการของพ่อแม่ที่มีลูกวัยเดียวกัน หรืออ่อนกว่า และคิดพัฒนาสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของพ่อแม่เหล่านั้นออกมาได้ เช่น คุณพ่อท่านหนึ่งผลิตรั้วกั้นสำหรับเด็กเล็กไม่ให้วิ่งซนจนเกินอันตรายออกมาวางจำหน่ายและก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หรือคุณแม่ท่านหนึ่งที่พัฒนากางเกงในผ้าอ้อมสาลูแทนการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เหล่านี้เป็นต้น หากสินค้าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีการบอกต่อในกลุ่มพ่อแม่ด้วยกันอย่างกว้างขวางแล้วล่ะก็ ธุรกิจนี้ก็สามารถเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายๆ ไม่แพ้การทำงานออฟฟิศเช่นกัน
       
       - ขายของทางอินเทอร์เน็ต
       
       สำหรับการเป็นแม่ค้าขายของทางอินเทอร์เน็ต ห้องที่ใหญ่ และมีพ่อแม่เข้าไปเยี่ยมชมแน่นหนาที่สุดอาจหนีไม่พ้น ห้องเปิดท้ายฯ ในโต๊ะชานเรือนของเว็บไซต์พันทิป ซึ่งไม่เพียงแต่มีของมือสองของเด็กๆ มาส่งต่อให้กับพ่อแม่คนอื่นในราคามิตรภาพแล้ว บางทียังมีของมือหนึ่ง หรือของแปลกๆ น่าสนใจมาประกาศกันมากมาย อย่างไรก็ดี การขายของทางอินเทอร์เน็ต กฎที่ต้องยึดถือคือการซื่อสัตย์ต่อลูกค้า เพราะมีพ่อแม่หลายรายมีปัญหากับผู้ขายเนื่องจากโอนเงินไปแล้วไม่มีการส่งสินค้าตามที่ระบุมาให้ หรือนำภาพจากเว็บอื่นมาหลอกให้ลูกค้าหลงเชื่อว่ามีสินค้าจริงแล้วโอนเงินมาให้ก็มี
       
       - นักแปล นักวาดภาพประกอบ เขียนหนังสือ
       
       หากคุณคุ้นเคย หรือชื่นชอบแวดวงหนังสือ และมีความถนัดด้านการแปล การเขียนบทความ หรือวาดภาพประกอบ งานในลักษณะนี้ก็เป็นงานที่ทำจากบ้านได้เช่นกัน (และนั่นหมายความว่าคุณสามารถเลี้ยงลูกไปด้วยได้) แต่ผู้ทำต้องมีวินัยในตนเองพอสมควร เพราะทางสำนักพิมพ์จะมีเส้นตายของการรับต้นฉบับ หรือข้อกำหนดอื่นๆ แต่ถ้าหากมีทุนมากพอ และรักในงานนี้มากพอ จะศึกษาข้อมูลและเปิดสำนักพิมพ์ของตนเองเลยก็ยังได้ค่ะ แต่อาจต้องทำใจเผื่อเอาไว้บ้าง เพราะในประเทศที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการอ่าน บางครั้งก็ยากจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำนะคะ
       
       - ครูสอนพิเศษ
       
       หากคุณมีความสามารถในด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ เช่น สามารถสอนภาษาจีนกลาง ภาษาญี่ปุ่นได้ หรือเป็นติวเตอร์ การรับสอนพิเศษให้กับบุคคลทั่วไปก็เป็นอีกหนทางหนึ่งในการหารายได้พิเศษที่น่าสนใจ เพราะคุณสามารถกำหนดเวลาทำงานได้ด้วยตนเอง อีกทั้งเป็นการทำงานในเวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมง และเพราะเราเข้าใจว่า การต้องพาลูกไปฝากเลี้ยงยังเนิร์สเซอรี่ หรือจ้างพี่เลี้ยงนั้นทำใจลำบากเพียงใด การต้องห่างลูกเป็นเวลาไม่นานเช่นนี้จึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจพอสมควรค่ะ
       
       - โปรแกรมเมอร์ กราฟิกดีไซน์
       
       งานไอทีก็เป็นอีกหนึ่งงานที่มีคุณพ่อคุณแม่หลายท่านเปิดบริษัทรับงานจากบ้าน และรายได้ดีไม่แพ้งานอื่น ๆ เพียงแค่เปลี่ยนสถานที่นั่งหลังขดหลังแข็งจากในออฟฟิศมาเป็นที่บ้าน ยิ่งปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตทำให้โลกไร้พรมแดนมากขึ้น การจะรับงานจากต่างประเทศที่มีค่าตอบแทนสูงกว่าเงินบาทก็ยิ่งเป็นไปได้มากขึ้น
       
       นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ที่ระบุว่า ความสุขจากการได้ขึ้นเงินเดือนนั้นไม่สามารถทัดเทียมได้กับผู้ที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างชีวิตงานกับชีวิตครอบครัวได้เลย เนื่องจากการได้ขึ้นเงินเดือนนั้นเป็นความสุขช่วงสั้น ๆ ของพ่อแม่มนุษย์เงินเดือน อีกทั้งเมื่อได้รับค่าตอบแทนในระดับที่ตนเองพอใจแล้ว คนเหล่านี้ก็จะเปลี่ยนไปสนใจในเรื่องอื่นแทน เช่น ค่าตอบแทนของเพื่อนร่วมงาน ว่า คนอื่นๆ ได้เท่าไรกัน และนำมาเปรียบเทียบกับค่าตอบแทนของตนเอง และแม้ว่าพนักงานผู้นั้นจะได้รับเงินเดือนจำนวนมากแล้วก็ตาม พวกเขาก็อาจเกิดความไม่พอใจขึ้นได้ หากพวกเขาได้รับทราบว่ามีความไม่เสมอภาคเกิดขึ้นในหมู่เพื่อนร่วมงาน ตรงกันข้ามกับผู้ที่มีเวลาในการทำงานที่ยืดหยุ่นมากพอ คนเหล่านี้จะมีความสุขในชีวิตที่เหนือกว่านั่นเอง
ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : momchannel

Week 1-3 : สัปดาห์ที่ 1-3 ของการตั้งครรภ์
เซลล์ไข่เริ่มกลายเป็นตัวอ่อนและเจ...
2013-04-05

10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน
10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน (จากปากเรา)...
2013-06-10

การอาบน้ำเด็กทารกอย่างถูกวิธี
วันนี้เราเลยมีวิธีที่จะทำให้เด็กส...
2013-05-21

พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และของเล่นที่เหมาะสม
พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และข...
2013-07-02

การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจขณะตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ...
2013-04-25

Week 5 : สัปดาห์ที่ 5 ของการตั้งครรภ์
สัปดาห์นี้ ควรฝากครรภ์ได้แล้วนะ...
2013-03-29

9 วิธีเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์
คุณแม่ที่กำลังอยากจะมาบุตรต้องทำอ...
2013-06-28

การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ควรมองข้าม
การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่...
2013-04-05

น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง
น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง...
2013-04-29

Week 13 : สัปดาห์ที่ 13 ของการตั้งครรภ์
เต้านมของคุณแม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น, ...
2013-03-29