ภาษาไทย
English

เลือกโรงเรียนที่ 'ใช่' 

  

 
     เขาว่าเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง หากนำมาเปรียบเทียบกับทฤษฏีการหาโรงเรียนของคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายก็คงเป็นไปได้ว่า หาได้โรงเรียนที่ "ใช่" สำหรับลูก (และสำหรับคุณพ่อคุณแม่) ก็คงถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตการเรียน และการเข้าสู่สังคมที่ดีของลูก โดยปกติแล้วเด็กอายุประมาณ 3-4 ชวบ ถือเป็นช่วงอายุที่เหมาะสมในการสอนให้เขาเริ่มเข้าสู้สังคมเพราะเด็กในวัยนี้สามารถที่จะเข้าใจคำสั่งง่ายๆ และเริ่มมีพัฒนาการทักษะต่างๆ ที่เริ่มฝึกฝนได้ แต่อย่างไรก็ตาม เราอาจเห็นว่าโรงเรียนหรือสถานศึกษาหลายแห่งเริ่มเปิดรับนักเรียนอายุตั้งแต่ 2 ขวบก็มี ทั้งนี้ต้องดูที่โปรแกรมการสอนเป็นหลัก ซึ่งสำหรับเด็กที่เล็กมากขนาดนี้อาจเป็นการเรียนรู้ผ่านการเล่นและการร้องเพลงหรือการฝึกทักษะง่ายๆ ที่ยังไม่ต้องลงลึกถึงตำราเรียนมากนัก อย่างไรก็ดี ปัจจัยในการเลือกโรงเรียนจะเกิดขึ้นได้ เมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจแล้วว่า "ลูกพร้อม" ที่จะเข้าโรงเรียน เมื่อคุณมั่นใจในข้อนี้แล้ว เราลองไปดูขั้นตอนคร่าวๆ ในการเลือกโรงเรียนสำหรับเด็กเล็กที่เราเอามาฝากกันค่ะ

     การเลือกโรงเรียนสำหรับเด็กเล็ก

       1. ไทย/ไบลิงกัว/อินเตอร์ : การจะเลือกว่าลูกจะเรียนสายไหนแน่ควรเป็นหน้าที่ของพ่อแม่เป็นผู้ตัดสินใจและกำหนดชะตาชีวิตให้เขา ทั้งนี้ควรดูพื้นฐานการปลูกฝังเลี้ยงดู และพื้นเพการใช้ชีวิตประจำของแต่ละครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน บางบ้านคุณพ่อคุณแม่เคยเรียนโรงเรียนไทยที่มีชื่อเสียงมายาวนานก็อาจให้ลูกเดินทางสายนั้นเหมือนตัวเอง หรือบางบ้านตั้งใจจะส่งลูกเรียนต่างประเทศในอนาคตก็อาจตัดสินใจเลือกเรียนอินเตอร์ไปเลย (ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับสภาพคล่องทางการเงินด้วย) เป็นต้น

       2. ล่ารายชื่อโรงเรียนใกล้บ้านและตรวจสอบเส้นทาง : เมื่อได้ข้อสรุปแล้วว่าได้โรงเรียนแบบไหน ลองดูโรงเรียนลักษณะนั้นที่อยู่ใกล้บ้านอาจจะในรัศมีไม่เกิน 5-8 กม. สำหรับเด็กเล็ก (หากรถติดควรย่นระยะทางไม่เกิน 3-4 กม.) คุณพ่อคุณแม่ที่รับส่งลูกเองหรือนั่งรถโรงเรียนควรตรวจสอบการเดินทางไป-กลับของแต่ละโรงเรียน ปัจจัยการเดินทางอาจฟังดูเป็นปัจจัยรองก็จริงอยู่ แต่สิ่งนี้เองที่มักมีผลกระทบต่อคุณพ่อคุณแม่และของลูกเสมอ เพราะถ้าหากเด็กต้องตื่นเช้าเพื่อเดินทางไกลไปโรงเรียนแถมเจอรถติด ความตื่นเต้นและอยากที่จะไปโรงเรียนในแต่ละเช้าจะค่อยๆ หมดลงไป อาจเท่ากับเป็นการบั่นทอนสุขภาพในระยะยาวได้

       3. หาข้อมูลของแต่ละโรงเรียน : หลายโรงเรียนในปัจจุบันมีข้อมูลเบื้องต้นที่หาได้จากเว็บไซด์ แต่เราจำเป็นต้องตั้งคำถามที่เจาะลึกลงไป เช่น จำนวนนักเรียนในแต่ละห้องซึ่งตามสถิติได้ระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนประเภทใดก็ตาม สัดส่วนที่เหมาะสมระหว่างครู : นักเรียน คือ 1 : 7 (สำหรับเด็กอายุ 2.6-3 ปี) ทั้งนี้ไม่ควรเกิน 14 คน/ห้องเรียน และอัตรา 1:10 (สำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี) ทั้งนี้ไม่ควรเกิน 20 คน /ห้องเรียน รวมถึงสอบถามเรื่องประสบการณ์ของคุณครูผู้สอนหรือครูพี่เลี้ยง เป็นต้น โทรถามคำถามคาใจเหล่านั้นจากทางโรงเรียน และทำการนัดเข้าเยี่ยมชมโรงเรียน ถ้าโรงเรียนใดไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมชมควรลบออกไปจากรายชื่อที่มองไว้ทันที

       4. เยี่ยมเยียนโรงเรียนกันหน่อย : การเยี่ยมชมในแต่ละโรงเรียนอาจพาลูกไปด้วย เพื่อดูว่าเขาชอบโรงเรียนนั้นๆ หรือไม่ ควรทำการเดินสำรวจโรงเรียนเพื่อดูสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในบริเวณโรงเรียน ความปลอดภัย ความสะอาดเรียบร้อย สุขอนามัย คุณพ่อคุณแม่อาจขออนุญาตดูการเรียนการสอนจริงในห้องเรียน (โรงเรียนจะอนุญาตหรือไม่ คุณพ่อคุณแม่ต้องระลึกเสมอว่าต้องไม่เป็นการรบกวนสมาธิหรือขัดจังหวะเด็กนักเรียนและครูผู้สอนแต่อย่างใด) ดูความเอาใขใส่ของคุณครูผู้สอนหรือครูพี่เลี้ยง รวมไปถึงอุปกรณ์การเรียนรู้ในห้องเรียน ซึ่งควรมีอุปกรณ์หลากหลายเพื่อดึงดูดให้เด็กเกิดความอยากเรียนรู้และสนุกในการเรียน เมื่อถึงขั้นตอนนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่น่าจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นถึงข้อมูลทั้งหมดของโรงเรียนที่ได้รับมา นอกจากนี้การสอบถามจากเพื่อนบ้านหรือคนรู้จักหรือเพื่อนฝูงที่มีลูกวัยใกล้เคียงกัน จะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และน่าเชื่อถือได้มากขึ้น


     อย่างไรก็ดี แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเลือกโรงเรียนที่ตรงใจคุณที่สุดมาแล้ว นั่นก็อาจไม่ได้หมายความว่าคุณจะเลือกโรงเรียนที่ "ใช่" สิ่งสำคัญที่สุดต้องดูที่เด็กเป็นหลัก เลือกโรงเรียนที่คุณมั่นใจว่าเด็กจะมีความสุขในการไปโรงเรียน แน่นอนว่าการเรียนรู้ในห้องเรียนเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต แต่ก็ไม่ควรลืมว่าเด็กก็ยังมีเวลาเรียนรู้แบบนี้ในอีกหลายต่อหลายปีตลอดช่วงวัยเติบโตของเขาเอง โรงเรียนแรกของเขาควรเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองที่เด็กจะมีโอกาสได้เรียนรู้ที่จะรักโรงเรียนและรักในการเรียน และกว่าที่โรงเรียนจะเป็นโรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่คิดว่า "ใช่" ได้คุณควรต้องให้เวลากับลูกและโรงเรียนนั้นในการศึกษานิสัยใจคอกันและกัน และเมื่อวันที่ลูกคุณมีความสุขในการไปโรงเรียน นั่นแหละคือเวลาที่คุณอาจเรียกโรงเรียนนั้นว่า "ใช่" 
ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : momchannel

Week 1-3 : สัปดาห์ที่ 1-3 ของการตั้งครรภ์
เซลล์ไข่เริ่มกลายเป็นตัวอ่อนและเจ...
2013-04-05

10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน
10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน (จากปากเรา)...
2013-06-10

การอาบน้ำเด็กทารกอย่างถูกวิธี
วันนี้เราเลยมีวิธีที่จะทำให้เด็กส...
2013-05-21

พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และของเล่นที่เหมาะสม
พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และข...
2013-07-02

การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจขณะตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ...
2013-04-25

Week 5 : สัปดาห์ที่ 5 ของการตั้งครรภ์
สัปดาห์นี้ ควรฝากครรภ์ได้แล้วนะ...
2013-03-29

9 วิธีเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์
คุณแม่ที่กำลังอยากจะมาบุตรต้องทำอ...
2013-06-28

การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ควรมองข้าม
การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่...
2013-04-05

น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง
น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง...
2013-04-29

Week 13 : สัปดาห์ที่ 13 ของการตั้งครรภ์
เต้านมของคุณแม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น, ...
2013-03-29