ภาษาไทย
English

มาฝึก ‘ภาษาอังกฤษ’ จากสิ่งรอบตัวลูกกันดีกว่า

     การฝึกภาษาอังกฤษใครว่าจะเรียนได้แต่ในโรงเรียนอย่างเดียว เราสามารถฝึกได้จากจากสิ่งรอบตัวลูก โดยสอนไปพร้อมๆ กับกิจกรรมชวนเล่นที่พ่อแม่จัดสร้างให้ลูกได้ ซึ่งนอกจากจะให้ความสนุก และความรู้แล้ว ยังสร้างความสัมพันธ์ดีที่ในครอบครัวอีกด้วย โดยมีวิธีต่างๆ ที่สามารถฝึกภาษาอังกฤษให้ลูกได้ดังนี้ค่ะ

       
35536284529208753_6jfs6nec_c_large

หยิบคำศัพท์รอบตัวมาสร้างเกมให้ลูก
       
     ประโยคต่างๆ ที่เห็นจนชินตาตามอาคารสูง ป้ายโฆษณา ของใช้ ฉลากสินค้า หรือหลากโอกาสที่เด็กๆ จะได้พบเจอ เช่น การเข้าไปเลือกซื้อสินค้ากับคุณพ่อคุณแม่ในมินิมาร์ต ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ต่างๆ ทั้งร้านอาหาร บนรถไฟฟ้า คำศัพท์จากสิ่งเหล่านี้ สามารถนำมาสร้างเป็นเกมฝึกภาษาอังกฤษให้ลูกเล่นได้
       
     โดยมีวิธีการคือ คุณพ่อคุณแม่ จะต้องชี้ชวนให้ลูกสังเกตคำศัพท์ หรือประโยคต่างๆ ไปพร้อมๆ กับภาพ หรือข้อความภาษาไทยที่แวดล้อมคำ หรือประโยคเหล่านั้น ซึ่งถ้าจะให้ดี ควรตั้งโจทย์สนุกๆ ด้วยการบอกให้ลูก จดคำศัพท์ที่พบตามสถานที่ต่างๆ เช่น "ในหนึ่งวันนี้ ลูกพบคำศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร S อะไรบ้าง หรือมีคำศัพท์คำไหนที่หนูรู้ความหมายบ้างจ้ะ" เป็นต้น


เพลินหรรษากับสวนร่มไม้
       
     พ่อแม่สามารถชวนลูกๆ ให้เป็นนักสำรวจธรรมชาติตัวน้อยได้ที่สวนสาธารณะ สวนหลังบ้าน หรือเมื่อมีโอกาสไปเที่ยวแบบสนุกสุขใจในสถานที่ที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ไม่ว่าจะให้ลูกสังเกตต้นไม้ใบหญ้า สีสันของดอกไม้ที่บานสะพรั่ง เช่น “ดอกนี้มีสีขาว หรือภาษาอังกฤษสีขาวแปลมาจากคำว่า White ดอกสีแดง คือ Red สีเหลือง คือ Yellow หรือสีชมพู คือ Pink เป็นต้น”
       
     สำหรับพี่ใหญ่วัยประถม พ่อแม่ควรเพิ่มบทเรียนเรื่องขนาดของต้นไม้แต่ละชนิดที่ลูกๆ จะได้เห็นเข้าไปด้วย เช่น ชวนให้ลูกแต่งประโยค เพื่อเปรียบเทียบขนาดของต้นไม้ เช่น ใหญ่กว่า เล็กกว่า สูงกว่า รวมทั้งเพิ่มหมวดคำตรงข้ามเข้าไปจะยิ่งดี
       
     อย่างไรก็ดีพอกลับถึงบ้าน คุณพ่อคุณแม่ก็ควรทบทวนให้ลูกอีกครั้ง เช่น ให้ลูกเขียนบัตรคำศัพท์ พร้อมทั้งวาดภาพประกอบในสิ่งที่ลูกไปพบเห็นมาทั้งหมด เช่น ดอกไม้ ต้นไม้ สี ขนาด วิธีนี้จะทำให้เด็กจดจำคำศัพท์ และประโยคต่างๆ ได้มากขึ้น
       

เข้าใจภาษาผ่านประสาทสัมผัสของลูก
       
     การเข้าใจความหมายของคำศัพท์ หรือประโยคภาษาอังกฤษ จากข้อมูลที่ผ่านเข้ามาทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของลูก ไม่ว่าจะหยิบ จับ สัมผัส ลิ้มรส สูดดม เงี่ยหูฟัง หรือสังเกตด้วยตา จะนำพาให้เด็กเข้าใจความหมายในระยะยาวต่อไปได้
       
     ทั้งนี้ พ่อแม่สามารถออกแบบกระบวนการเรียนรู้ให้ลูกได้ โดยให้ลงมือทำ ขณะที่คุณพ่อคุณแม่เอง จะทำตัวเป็นผู้แนะนำอยู่ข้างๆ ลูก เช่น พาเด็กๆ เข้าครัวช่วยคุณแม่โชว์ฝีมือการทำอาหารเมนูจานพิเศษ พร้อมกับให้ลูกได้มีส่วนร่วม และสังเกตในทุกขั้นตอน อาทิ ชวนลูกดูกุ้งสดๆ ที่กำลังเปลี่ยนไปเป็นสีส้ม เมื่อถูกความร้อนในกระทะ หรือให้ลูกฟังเสียงฉู่ฉี่ของอาหารที่ได้สัมผัสกับน้ำมัน หรือการถูกความร้อน สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นความสนใจของเด็กให้อยากเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
       
     หลังจากนั้นต้องให้ลูกดมกลิ่นหอมๆ ของอาหารจานโปรด และปิดท้ายด้วยการชิมรสชาติแสนอร่อยที่กุ๊กตัวน้อย ได้เป็นผู้ช่วยสุดฝีมือ ทั้งนี้เพื่อให้ลูกได้ภูมิใจในอาหารของเขา อย่างไรก็ดี ในแต่ละขั้นตอนที่ได้กล่าวไป ต้องชวนลูกพูดคุยคำศัพท์จากข้อมูลที่ลูกๆ ได้รับที่ผ่านเข้าจากการทำอาหาร และผ่านไปยังประสาทสัมผัสทั้ง 5 ลูกด้วย ถึงจะเข้าใจภาษาอังกฤษได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น


สร้างการจดจำด้วยปลายดินสอ
       
     การให้เด็กได้สะสมคำศัพท์จากสิ่งรอบตัว เป็นการสร้างประสบการณ์ทางภาษา ที่มิใช่การท่องจำ เพราะมีกิจกรรมให้ลูกๆ ได้วาดภาพตามความเข้าใจของตัวเอง โดยหยิบยกสิ่งรอบตัวที่พบเจอ ซึ่งสะสมมาจากประสบการณ์ และบันทึกไว้ในสมอง จากนั้นจึงแปลงเป็นข้อมูลที่จับต้องได้
       
     เช่น ให้ลูกวาดภาพดอกไม้ที่เขารู้จักหลายๆ แบบ จากนั้นให้ลูกแยกย่อยเป็นคำศัพท์ต่างๆ เช่น “ดอกนี้ที่ลูกวาดเรียกว่า Rose แปลว่า ดอกกุหลาบนะจ้ะ ส่วนดอกนี้ชื่อว่า เจ้าดอก Jasmine แปลว่า ดอกมะลิจ๊ะ หรือดอกแบบนี้ คือดอกทานตะวัน มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Sunflower จ้ะ” เป็นต้น
       

ชวนลูกจดบันทึกลง “สมุดภาษาอังกฤษเล่มจิ๋ว”
       
     ความท้าทายอย่างหนึ่งของเด็กในวัยเรียนก็คือ การที่เด็กได้ค้นพบ และสังเกตสิ่งรอบตัว พร้อมกับตั้งชื่อเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ อย่างเป็นระบบด้วยตัวเอง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูกๆ ให้ทำสมุดบันทึกทำมือ “English Book” ได้ เพื่อรวบรวมสิ่งที่ลูกสังเกต เรียนรู้ และจดบันทึกลงในสมุดอย่างสนุกสนาน
       
     อย่างไรก็ดี คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยอนุบาล อาจให้ลูกเริ่มจดบันทึกด้วยการวาดภาพ และเขียนคำศัพท์ที่เขาพบเห็น เก็บสะสมไปเรื่อยๆ และจัดให้เป็นหมวดหมู่ เช่น Animal, Vegetable เป็นต้น ขณะที่พี่ๆ วัยประถมที่มีทักษะภาษาอังกฤษอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว อาจให้เด็กได้ทำการจดบันทึกคำศัพท์ และประโยคตามสถานที่ที่ได้พบเห็น เช่น เมื่อครั้งที่ได้ไปเที่ยวสวนสัตว์ ไปทะเล หรือท่องพิพิธภัณฑ์ มีคำศัพท์อะไรบ้าง เป็นต้น
     เมื่อถึงเวลาเหมาะสมที่ลูกสามารถเชื่อมโยงคำศัพท์ที่สะสมให้เป็นประโยคได้ ลองให้ลูกแต่งประโยคในรูปแบบที่ง่ายที่สุดก่อน เช่น มีประธาน กริยา และกรรม โดยเลือกใช้คำที่สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการพูด หรือสื่อสารออกมาใน English Book ของลูก จะทำให้ลูกเข้าใจ และคุ้นชินกับภาษาอังกฤษได้มากขึ้น
       
     จะเห็นได้ว่า การเรียนภาษาอังกฤษของลูก จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ถ้าคุณพ่อคุณแม่เลือกใช้เวลาว่างเท่าที่มี หยิบฉวยสิ่งรอบตัวลูก มาดัดแปลงเป็นบทเรียนภาษาอังกฤษแสนสนุก พอถึงช่วงเปิดเทอม การเรียนรู้ด้านภาษาของเด็ก จะประติดประต่อ และไม่ตกหล่น เพราะมีพ่อแม่คอยเป็นตัวช่วย และคอยกระตุ้นองค์ความรู้ด้านภาษาที่อยู่ในตัวลูกด้วยความเข้าใจธรรมชาติของเด็ก
ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : Momchannel

Week 1-3 : สัปดาห์ที่ 1-3 ของการตั้งครรภ์
เซลล์ไข่เริ่มกลายเป็นตัวอ่อนและเจ...
2013-04-05

10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน
10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน (จากปากเรา)...
2013-06-10

การอาบน้ำเด็กทารกอย่างถูกวิธี
วันนี้เราเลยมีวิธีที่จะทำให้เด็กส...
2013-05-21

พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และของเล่นที่เหมาะสม
พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และข...
2013-07-02

การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจขณะตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ...
2013-04-25

Week 5 : สัปดาห์ที่ 5 ของการตั้งครรภ์
สัปดาห์นี้ ควรฝากครรภ์ได้แล้วนะ...
2013-03-29

9 วิธีเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์
คุณแม่ที่กำลังอยากจะมาบุตรต้องทำอ...
2013-06-28

การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ควรมองข้าม
การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่...
2013-04-05

น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง
น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง...
2013-04-29

Week 13 : สัปดาห์ที่ 13 ของการตั้งครรภ์
เต้านมของคุณแม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น, ...
2013-03-29