วัยเบบี๋...กี่เดซิเบล
คุณพ่อคุณแม่รู้มั้ยคะ ว่าเสียงต่างๆ ที่ลูกได้ยินในแต่ละวัน ล้วนช่วยพัฒนาภาษาและฝึกทักษะการฟังให้กับลูก แต่บางเสียงที่ดังเกินไป ก็ส่งผลเสียต่อลูกได้เช่นกันค่ะ
หนูฟังได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง
อย่างที่ทราบกันดีว่าลูกสามารถได้ยินเสียงตั้งแต่อยู่ในท้องคุณแม่ จึงมีการส่งเสริมให้คุณพ่อคุณแม่พูดคุย เล่านิทาน และเปิดเพลงให้ลูกฟังอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยให้ลูกคุ้นเคยกับเสียงของคุณพ่อคุณแม่และได้ฝึกพัฒนาการด้านการฟังไปพร้อมๆ กันค่ะ
เมื่อลูกน้อยคลอดออกมาสู่โลกภายนอก พัฒนาการด้านการฟังจึงได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยสังเกตได้จากปฏิกริยาของเด็กแรกเกิดที่ตอยสนองต่อเสียงโดยการสะดุ้งและเหยียดแขนขา จนเมื่ออายุ 6 เดือน ลูกน้อยจะหันหาเสียงในระยะ 1 เมตรได้ แล้วพัฒนามากขึ้นตามอายุ จนแยกแยะความแตกต่างของเสียงในภาษาแม่ได้ และสามารถจดจำคำศัพท์ต่างๆ ที่คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับเขาได้มากขึ้น
ในวัยทารกความสามารถในการพูดยังไม่พัฒนา จึงต้องใช้การฟัง การมองและการสัมผัสเพื่อเป็นประตูสู่การเรียนรู้ ดังนั้นประสาทการรับรู้ด้านการฟังของเด็กจึงมีความไวต่อการได้ยินเสียงต่างๆ ซึ่งถ้าลูกได้ยินเสียงที่ดังเกินไป คงไม่ช่วยส่งเสริมด้านการฟังแน่นอนค่ะ
เสียงดังเกินไป หนูไม่ชอบ
เสียงที่เหมาะสมสำหรับวัยเบบี๋คือเสียงที่ดังไม่เกิน 75-80 เดซิเบล เทียบเท่ากับเสียงที่เราได้ยินในชีวิตประจำวันนี่แหละค่ะ แต่เสียงที่เด็กๆ ไม่ควรได้ยิน คือ เสียงเครื่องจักรทำงาน เสียงเพลงที่ดังมากเกินไป เสียงพลุ เป็นต้น
หากเด็กๆ ได้ยินเสียงดังเกินไปเป็นระยะเวลาติดต่อกันนานๆ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อประสาทหูแล้ว ยังส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางอารมณ์ ที่จะทำให้เด็กๆ รู้สึกหงุดหงิด อยู่ในอารมณ์สงบได้ยาก งอแง และอาจส่งผลให้เขารู้สึกไม่ชอบเสียงเหล่านั้นไปจนโตได้
ซึ่งถ้าลูกเป็นเด็กขี้หงุดหงิด อารมณ์ไม่มั่นคง ก็จะส่งผลกระทบให้ไม่อยากเรียนรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัว ทำให้เสียโอกาสในการได้ฝึกใช้ทักษะในการเรียนรู้ช่วงขวบปีแรกค่ะ
3 เสียงนี้ เบบี๋ช้อบชอบ
หากลูกวัยเบบี๋ได้ยินเสียงที่เหมาะสม ไม่ดังเกินไป จะเป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านการฟังและการเรียนรู้ให้กับลูกได้เป็นอย่างดี โดยเสียงที่แนะนำให้ลูกน้อยฟังคือ
1. เสียงคุณพ่อและคุณแม่
ทั้งคุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับลูก กล่อมนอน เล่านิทาน หรือชวนให้ลูกรู้จักคำศัพท์ต่างๆ จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นใจที่มีคนคอยดูแลข้างๆ และทำให้เกิดการจำศัพท์จากสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับเขาค่ะ
2. เสียงเพลงและดนตรี
เสียงเพลงที่มีท่วงทำนองที่สม่ำเสมอ และเปิดไม่ดังจนเกินไป จะทำให้เด็กๆ รู้สึกผ่อนคลาย สงบ และเพลิดเพลิน ซึ่งถ้าเด็กมีอารมณ์ที่สงบ ก็จะช่วยให้สมองพร้อมต่อการเรียนรู้
3. ของเล่นมีเสียง
เช่น ของเล่นกรุ๊งกริ๊ง หรือของเล่นที่มีเสียงสัตว์ จะทำให้ลูกสนุกกับการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ควรเล่นกับลูกพร้อมกับบอกลูกด้วยว่า นี่คือเสียงของอะไร
เลือกให้ลูกวัยเบบี๋ได้ฟังเสียงที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ ถือเป็นการส่งเสริมให้ลูกน้อยได้ฝึกพัฒนาการด้านการฟังและด้านภาษาอย่างถูกต้องค่ะ
เดซิเบล เทียบเท่า
40 เสียงฝนตก
60 เสียงพูด
85 เสียงจราจรบนท้องถนน
90 เสียงไดร์เป่าผม
105 เสียงคอนเสริ์ตวงร็อค
110 เสียงเสื่อยไม้
115 เสียงดังที่สุดใน Ipod
120 เสียงเจาะถนน
140 เสียงปืนหรือเสียงพลุ ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : momchannel |