ภาษาไทย
English

8 เรื่องต้องเข้าใจหากพาลูกเล็กเที่ยว


     เดี๋ยวนี้พ่อแม่พาลูกๆ ออกท่องโลกกันมากขึ้นจริงๆ ค่ะ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักพบเจอกลุ่มครอบครัวเต็มไปหมด แต่การจะพาลูกๆ ออกมาสู่โลกกว้างนั้นก็อาจมีทั้งเรื่องดีและไม่ดีให้พบเจอ ซึ่งวันนี้เราขอนำความจริง 8 ประการเกี่ยวกับการพาลูกเล็กออกเที่ยวมาฝากกัน และพ่อแม่อาจต้องชั่งน้ำหนักดูว่าจะดีพอสำหรับเป็นประสบการณ์ให้ลูกและตัวเองหรือไม่ ดังนี้
       
       1.การวางแผนการเดินทางอย่างเข้มงวดจนเกินไปอาจทำให้ทริปไม่สนุก
       
       เพราะคุณไม่สามารถกำหนดเด็กๆ ให้เป็นไปตามแผนที่คุณต้องการได้ เขาอาจจะร้องโยเยตอนคุณพ่อคุณแม่เจอร้านอาหารสุดโปรด ไม่ยอมหม่ำดีๆ จะร้องกินแต่นม ขว้างปาข้าวของสุดฤทธิ์ จนคุณต้องเดินออกจากร้านทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับประทานแม้แต่คำเดียว ดังนั้น หากต้องการเดินทางพร้อมลูกเล็ก ควรวางแผนเอาไว้หลวมๆ หรือควรเป็นแผนที่ยืดหยุ่นได้จะดีกว่า
       
       2.สิ่งอำนวยความสะดวกอาจไม่พร้อมเหมือนอยู่บ้าน
       
       แม้ปัจจุบันจะมีพ่อแม่พาลูกเล็กออกเดินทางไปไหนต่อไหนมากขึ้น แต่ก็อย่าลืมว่าบรรดาเจ้าของกิจการส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมจะรองรับลูกค้ากลุ่มครอบครัวกันนัก ดังนั้น หากต้องการพาลูกเดินทางไปด้วยจริงๆ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมทำใจยอมรับความจริงข้อนี้กันให้มากๆ เพราะการบริการบางอย่างก็ยังไม่พร้อม หรือยังไม่ถูกเตรียมเอาไว้ให้บริการ เช่น เก้าอี้นั่งสำหรับเด็ก เป็นต้น
       
       3.ความปลอดภัยของลูกเป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องรับผิดชอบ
       
       สำหรับบางร้านที่มีเก้าอี้นั่งสำหรับเด็กแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจในเรื่องของความปลอดภัยดีพอ ก็อาจเตรียมแค่เก้าอี้ที่ตัวเล็กๆ เหมาะสำหรับเด็กนั่งเอาไว้ให้ ในจุดนี้พ่อแม่ที่ยอมให้ลูกนั่งเก้าอี้เหล่านั้นต้องดูแลความปลอดภัยของบุตรหลานให้ดี เพราะหากไม่มีสายรัด เด็กอาจตกจากเก้าอี้ลงมาได้ ซึ่งความสูงของเก้าอี้ก็มากพอจะทำให้เด็กบาดเจ็บได้เลยทีเดียว
       
       หรือบางท่านพาลูกไปเปลี่ยนผ้าอ้อมตามห้างสรรพสินค้าก็ต้องระวังลูกกลิ้งตกจากจุดเปลี่ยนผ้าอ้อมเช่นกัน เพราะจุดเปลี่ยนผ้าอ้อมอาจเป็นฟูกยางหนาประมาณ 2-3 นิ้ว แต่ไม่มีขอบนูนๆ ขึ้นมากั้นเอาไว้ไม่ให้เด็กตก ขณะที่คุณแม่หันไปล้างมือ หยิบทิชชู เด็กจึงอาจกลิ้ง หรือพลิกตัวตกลงมาได้
       
       4.รับมือกับความคาดหวังของคนที่พบเจอ
       
       คนที่ไม่มีลูก หรือไม่เคยเลี้ยงเด็ก ส่วนใหญ่จะผ่านตาภาพของแม่และเด็กจากโฆษณาทั้งหลาย ที่พ่อแม่ลูกรักกัน ยิ้ม หอมแก้มกัน มีแต่เสียงหัวเราะ และความสุข แต่ความจริงก็คือ ภาพเหล่านั้นมันไม่ได้เกิดเสมอไปหรอกค่ะ มันต้องมีช่วงโหดมันฮากันบ้าง ร้องไห้กันบ้าง งอแงกันบ้าง ซึ่งคุณแม่อาจกลายเป็นแม่ใจร้ายในสายตาของคนอื่น หรือถูกมองอย่างตำหนิที่ไม่สามารถจัดการกับลูกได้ ซึ่งก็ขอเป็นกำลังใจให้ให้คุณแม่ที่ต้องพยายามอดทนกับการแสดงออกของคนรอบข้างที่ไม่เข้าใจด้วยค่ะ
       

       5.หากกังวลเรื่องความสะอาด ควรเตรียมภาชนะส่วนตัวไปด้วย
       
       เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องทำใจ กับเรื่องความสะอาด ที่ถ้าหากอยู่บ้านคุณสามารถควบคุมทุกอย่างได้ แต่ถ้าพาลูกไปข้างนอก คุณแทบไม่สามารถควบคุมได้เลย นอกเสียจากว่าจะเตรียมจานชามช้อนส้อมของลูกไปเองทุกอย่าง
       
       6.ควรฝึกลูกให้พร้อมสำหรับการใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
       
       อุปกรณ์เช่น รถเข็นเด็ก อาจเป็นสิ่งที่สถานที่บางแห่งเตรียมเอาไว้ให้ครอบครัวได้ยืมใช้ แต่ถ้าเด็กไม่ยอมนั่งเพราะไม่คุ้นเคยมาก่อน บทหนักก็จะตกแก่คุณพ่อคุณแม่เองนั่นแหล่ะค่ะ
       
       7.ควรเลือกสถานที่ที่ลูกมีส่วนร่วมด้วยได้
       
       เช่น การพาลูกๆ ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ (ไม่เอาพิพิธภัณฑ์แบบตู้กระจก วางของโชว์นิ่งๆ นะคะ ควรเลือกพิพิธภัณฑ์แบบ Active หน่อย มีกิจกรรมให้เด็กร่วมทดลอง จิ้ม กด เล่น แบบนั้นเด็กจะชอบมากกว่า) หรือพาไปสวนสนุก ข้อนี้เด็กๆ ชอบแน่ แต่พ่อแม่อาจต้องยืนปวดขาต่อคิวรอเล่นเครื่องเล่น
       
       แต่กิจกรรมที่เด็กๆ ไม่ค่อยสนุกเอาเสียเลยคงเป็นการร่วมทริปช้อปปิ้งกับพ่อแม่ที่ต้องเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ซึ่งจากที่พบเห็นหากลูกโยเยนัก พ่อแม่บางท่านก็ส่งแท็บเล็ต หรือไอโฟนให้ลูกกดเล่นเสียเลย จะได้อยู่นิ่งๆ ระหว่างรอพ่อแม่เลือกซื้อเสื้อผ้า ซึ่งเหตุการณ์ข้างบนนี้ก็น่าเห็นใจทั้งสองฝ่าย โดยในฝ่ายพ่อแม่เอง ถ้าสามารถฝากลูกเอาไว้กับใครที่ไว้ใจได้ ก็คงอยากฝากเพื่อให้ตนเองได้มีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง แต่กรณีที่เกิดเช่นนี้อาจเป็นเพราะไม่สามารถไว้วางใจใครได้เลยจริงๆ ก็ต้องกระเตงกันมาซื้อของด้วยกัน
       
       ดังนั้น ถ้าอยากให้ลูกรู้สึกพึงพอใจ เพลิดเพลินเวลาออกนอกสถานที่กับพ่อแม่ ก็อย่าลืมมองหาสถานที่ที่พวกเขาจะได้ขยับแข้งขยับขา กระโดดโลดเต้นเอาไว้ด้วยนะคะ
       
       8.น้ำใจอาจไม่ได้มีให้กันมากนัก
       
       ทีมงานเคยพบเห็นภาพของการไปรับประทานตามร้านอาหารชื่อดัง ซึ่งมีคนรอต่อคิวรับประทานอาหารเยอะๆ ซึ่งทางเจ้าของกิจการก็นำเก้าอี้มาบริการแขกระหว่างรอ แต่แน่นอนว่าไม่พอกับจำนวนแขกที่รอ มีคนอีกจำนวนหนึ่งต้องยืนปวดขารอคิวอยู่ แต่ภาพที่พบคือ คนรุ่นหนุ่มสาวมาจับจองเก้าอี้กันจนหมด แถมพอได้นั่งแล้วก็ไม่สนใจใครเพราะสายตาจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นภาพที่น่าเสียใจพอสมควร และเป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อแม่ยุคนี้ต้องทำใจยอมรับให้ได้หากผู้ที่นั่งรออยู่ก่อนจะไม่สละเก้าอี้ให้ลูกของคุณได้นั่ง รวมถึงแขกบางส่วนที่เป็นสตรีมีครรภ์ หรือคนชราก็ต้องยืนรอไม่ต่างกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับเด็กๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็นภาพของการมีน้ำใจในสังคมมากเท่าสมัยก่อนที่คนรุ่นหนุ่มสาวมักจะเสียสละที่นั่งให้เด็ก สตรีมีครรภ์ และคนชราอยู่เสมอๆ
ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : momchannel

Week 1-3 : สัปดาห์ที่ 1-3 ของการตั้งครรภ์
เซลล์ไข่เริ่มกลายเป็นตัวอ่อนและเจ...
2013-04-05

10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน
10 คำชมที่ลูกควรได้ยิน (จากปากเรา)...
2013-06-10

การอาบน้ำเด็กทารกอย่างถูกวิธี
วันนี้เราเลยมีวิธีที่จะทำให้เด็กส...
2013-05-21

พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และของเล่นที่เหมาะสม
พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัย 4-6ปี และข...
2013-07-02

การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจขณะตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ...
2013-04-25

Week 5 : สัปดาห์ที่ 5 ของการตั้งครรภ์
สัปดาห์นี้ ควรฝากครรภ์ได้แล้วนะ...
2013-03-29

9 วิธีเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์
คุณแม่ที่กำลังอยากจะมาบุตรต้องทำอ...
2013-06-28

การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ควรมองข้าม
การเลือกเพลงสำหรับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่...
2013-04-05

น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง
น้ำอสุจิ..ของเหลวสีขาวขุ่นชวนพิศวง...
2013-04-29

Week 13 : สัปดาห์ที่ 13 ของการตั้งครรภ์
เต้านมของคุณแม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น, ...
2013-03-29