ไข้หวัดใหญ่ โรคเสี่ยงของคุณแม่ตั้งครรภ์
ไข้หวัดใหญ่ มีความเสี่ยงต่อแม่ตั้งครรภ์มากน้อยเพียงใดและสามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงใดได้บ้าง
"ความรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคน" ซึ่งคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ตลอดจนคนที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคไต เบาหวาน และมะเร็ง กลุ่มนี้หากพบการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จะมีความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้นที่จะพบอาการแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ และอาการติดเชื้อในหูชั้นในตามมาด้วยปอดอักเสบ หรือปอดบวมเป็นอาการที่ต่อเนื่องมาจากโรคไข้หวัดใหญ่ ที่เกิดจากการพบเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสที่ร่างกายได้รับเข้าผ่านทางระบบทางเดินหายใจส่วนกลาง โดยระดับความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันออกไป
ในผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนจากปอดอักเสบสูงมาก เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือระบบทางเดินหายใจล้มเหลว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุเป็นโรคนี้เสียชีวิตสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นเหตุผลให้โรคปอดอักเสบในผู้สูงอายุน่ากลัวกว่าปอดอักเสบในคนทั่วไป ซึ่งอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับระบบต่างๆ ในร่างกายทำให้การรักษาเป็นไปอย่างยากลำบาก
โดยปอดอักเสบมีระยะเวลาดำเนินโรคในช่วง 3-4 วัน หลังจากเริ่มป่วยเป็นไข้หวัด ไอมีเสมหะ หายใจเหนื่อยหอบ เจ็บแน่นหน้าอก คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย และมีไข้สูงตลอดเวลา อาการเหล่านี้เป็นอาการที่แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่มีอาการปอดอักเสบร่วมด้วย
หากพบผู้ป่วยที่สงสัยว่าปอดอักเสบ แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยด้วยการตรวจเอ๊กซเรย์ปอดและตรวจเลือด รวมถึงนำเสมหะของคนไข้ไปตรวจเพาะเชื้อ เพื่อหาสาเหตุว่าเป็นโรคอักเสบที่เกิดจากเชื้อชนิดไหน ซึ่งผลตรวจที่ได้จะนำไปสู่แนวทางการรักษาที่ถูกต้อง"
ในแม่ตั้งครรภ์สามารถฉัดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้หรือไม่ จะมีผลกระทบต่อสุขภาพหรือไม่ แนะนำทีค่ะ
"โรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี" เพราะในแต่ละปีเชื้อโรคมีการเปลี่ยนแปลง และพบการกลายพันธุ์ ทำให้เกิดเชื้อตัวใหม่ที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในแต่ละปีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเชื้อที่ระบาดในช่วงเวลานั้น โดยหลักแล้วจะคลอบคลุม 3 สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ที่พบ
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากอาการบวมแดงเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ส่วนอาการไข้หลังฉีดวัคซีนที่หลายคนกังวลนั้น พบได้น้อยมาก เนื่องจากวัคซีนช่วยในเรื่องการป้องกัน แม้วัคซีนจะไม่สามารถป้องกันโรคหวัดได้ 100 เปอร์เซนต์ในกรณีที่ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใกล้เคียง แต่จะช่วยบรรเทาอาการของโรค ไม่ให้เป็นอันตรายถึงชีวิต หรือช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นตามมาได้"
อย่างไรก็ดี วิธีการง่ายๆ ในการดูแลตัวเองไม่ให้เป็นหวัด และโรคปอดอักเสบ คือพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยเป็นไข้หวัดหรือเริ่มมีอาการไข้หวัด ควรล้างมือสม่ำเสมอเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคปอดอักเสบได้อีกทางหนึ่ง
แต่ถ้าเริ่มมีอาการไข้สูง หายใจเหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน กินอาหารไม่ได้ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร่งด่วน เพราะการซื้อยาลดไข้มากินเองสำหรับคนปกตินั้น ร่างกายอาจหายจากไข้หวัดเองได้ แต่ในกรณีของผู้สูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัว การปล่อยให้เชื้อไข้หวัดใหญ่อยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน สามารถเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคแทรกซ้อน อีกทั้งเพิ่มระดับความรุนแรงของโรคให้มากขึ้นด้วย ขอขอบคุณภาพประกอบและบทความ : momchannel |